มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 21 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณเข้าร่วม CPTPP พร้อมยืนยันไม่เคยคิดปลูกผักชีหรือทำขนส่งแข่งกับใคร ชี้เป็นการเตรียมความพร้อมช่วยประชาชน ลั่นหากไม่มีรถขนส่งต้องแบกกระสอบเดินเอง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “จับมือร่วมใจ พาไทยรอด” ภายในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 39 ภายใต้หัวข้อ “Connect the Dost : Desing the Future รวมพลัง…สร้างสรรค์อนาคต” ตอนหนึ่งว่า ได้คุยกับประธานหอการค้า บอกไม่มีคนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่ มีแต่คนรุ่นใหญ่ ซึ่งงานวันนี้เป็นการรวมกันของคนทุกวัยทั่วประเทศ ตนยินดีและเป็นเกรียติที่ได้มาร่วมงานและถือเป็นการจับมือร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกวันนี้นอกจากปัญหาสุขภาพ ยังมีปัญหาเรื่องการดำเนินชีวิตจากปัญหาเศรษฐกิจ จะทำอย่างไรให้สามารถแก้ปัญหาไปพร้อมๆกันโดยไม่กระทบอีกส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ ตนได้รับทราบผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และผู้ประกอบการ ที่ผ่านมาก็ดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติโดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องการจัดสรรวัคซีนก็ได้เร่งดำเนินการ ขณะนี้มีวัคซีนแต่ติดปัญหาเรื่องการกระจายการฉีด พร้อมย้ำการฉีดวัคซีนมีความปลอดภัยและเข้าใจว่าการฉีดวัคซีนขึ้นอยู่กับความสมัครใจ แต่ต้องไม่กระทบใครโดยเฉพาะการกระจายเชื้อ ดังนั้นจึงอยากให้ร่วมกันประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนออกมาฉีดวัคซีนให้ครบโดส อาจมีปัญหาข้างเคียงบ้าง แต่ทางแพทย์ได้อธิบายไปแล้ว ทุกวันนี้วัคซีนมีพร้อม บุคลากรมีพร้อม แต่ขาดคนที่จะออกมาฉีดวัคซีน
อีกทั้งในวันข้างหน้ายังต้องเตรียมพร้อมรับวัคซีนอื่นๆด้วย เพราะที่ผ่านมาแท้ไทยจะมีความพร้อมด้านสาธารณสุข แต่ทุกประเทศทั่วโลกไม่เคยเจอกับโควิด-19 มาก่อน ทั้งนี้ไทยใช้งบประมาณ 25% ของจีดีพี ในการแก้ไขปัญหาโควิด ซึ่งหลายประเทศนำแนวทางไปใช้เป็นต้นแบบ และยอมรับว่าเป็นงบประมาณที่สูง ในประกลุ่มประเทศที่ 2 รองจากชิลี ดังนั้นขอทุกคนอย่าประมาทแม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น
“รัฐบาลเริ่มผ่อนคลาย รัฐบาลไม่อยากจะปิด ไม่อยากจะกลั้นอะไร เรื่องสุขภาพเราต้องไปด้วยกัน ถ้าเศรษฐกิจและสุขภาพแย่ก็ต้องกลับไปล็อคดาวน์ แบบที่หลายประเทศก็เกิดขึ้นมาแล้ว เราต้องคำนึงถึงสถานการณ์หลายประเทศด้วย เพราะยังมีความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นข้อพิจารณา ในนามรัฐบาลต้องดูด้วยว่า ประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศในภูมิภาคสถานการณ์เป็นอย่างไร และการแก้ไขปัญหาต่างๆอาจจะมีพันธสัญญาร่วมกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะที่การแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ เช่น ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปัญหาอุทกภัย หนี้ครัวเรือน ทุกเรื่องถูกบรรจุในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อจะจัดสรรงบประมาณแก้ปัญหาให้ตรงประเด็น แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน และอยากทุกกระทรวงทำงานด้วยบูรณาการกัน แต่การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ได้ต้องการที่จะยึดครองอำนาจ แต่เพื่อวางรากฐาน เป็นแผนพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ และได้เล่าถึงหลักการการบริหารประเทศในด้านต่างๆ ที่มีข้อจำกัดในหลายด้าน โดยระบุว่าขอเล่านานหน่อยเพราะสิ่งเหล่านี้อยู่ในศีรษะตนมาเป็นเวลา 7 ปีแล้ว
ส่วนในด้านการค้า-การลงทุน เช่น ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก CPTPP นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนยอมรับว่ามีข้อเสีย แต่ก็มีข้อดีด้วยเช่นกัน ที่ไทยต้องพิจารณารอบคอบและเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของไทย ดังนั้น ไทยจะต้องเข้าร่วมเจรจาข้อตกลงบางอย่างที่ยังไม่เป็นประโยชน์กับประเทศ เช่น เกษตร สาธารณสุข แต่ยืนยันว่าการเจรจาครั้งนี้ยังไม่ได้ตกลงเข้าร่วมในทันที
ส่วนเรื่อง 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือน ไม่ได้มุ่งหวังให้ข้าราชการคนใดไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน เพียงแต่ต้องการให้ข้าราชการลงพื้นที่พูดคุยเยี่ยมเยียนประชาชน รับทราบถึงปัญหา เพื่อที่จะนำมาแก้ไขให้ตรงจุด เกิดการเรียนรู้และพัฒนาไปด้วยกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงหนึ่งอย่างมีอารมณ์ถึงการแก้ไขปัญหาราคาผักแพงและเรื่องราคาน้ำมันดีเซล โดยยืนยันว่า “ที่สั่งให้ทหารปลูกผักชีไม่ได้ การแข่งขันกับใคร แต่ทหารปลูกอยู่แล้วเพื่อไว้รับประทานเอง เพราะมีที่ แต่หากประชาชนเดือดร้อนก็สามารถมาซื้อกับทหารได้ เช่นเดียวกับการเตรียมรถทหารไว้สำหรับการขนส่ง ในกรณีที่รถบรรทุกหยุดวิ่ง ตนไม่ได้ต้องการที่จะทำขนส่งแข่งกับใคร เพราะถ้าไม่มีรถวิ่งแล้วจะทำอย่างไร ก็แบกกระสอบเดินเองแล้วกัน และขออย่าเชื่อข้อมูลบิดเบือนมีอะไรก็ขอให้ตรวจสอบให้รอบคอบก่อน ตนไม่ได้ดีไปกว่าใคร และก็ไม่ได้คิดว่าเก่งไปกว่าใคร แต่ตนจะทำให้ดีที่สุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนยินดีที่จะรับฟังทุกเสียงสะท้อนและนำไปแก้ไขเพราะตนไม่ใช่คนดื้อ คนใจร้าย หรือคนเผด็จการ แต่ต้องอธิบายให้ได้ว่าจะต้องปรับปรุงแก้ไขในส่วนใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษมีเสียงไมค์โครโฟนช็อตเป็นระยะๆ ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องใช้เท้าเตะสายไฟอยู่หลายครั้งและพูดว่าต้องพูดไปเตะสายไฟไปก่อนจะพูดว่า “บริษัทไหนเนี่ย” ทำให้ผู้ร่วมประชุมหัวเราะกับคำพูดของนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้รับมอบสมุดปกขาว จากนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบทสรุปผู้บริหารการประชุมหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 39 Connect the Dots Design the Future ที่ได้จัดลำดับความสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ สำหรับดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ภายใน 99 วันแรกของการทำงานของคณะกรรมการหอการค้าไทย โดยมี 3 ภารกิจสำคัญ คือ เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ด้วย Digital Transformation เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และแก้ไขกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้สะดวก.-สำนักข่าวไทย