กรุงเทพฯ 1 ก.พ.-กระแสต่อต้านนโยบายรุนแรงสุดกู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐยังคงเกิดขึ้นทั่วโลก หลังทรัมป์สั่งแบนพลเมือง 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐเป็นการชั่วคราว โดยชาวมุสลิมในอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ต่างลงความเห็นว่านโยบายกีดกันผู้อพยพของทรัมป์ถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง
ชาวมุสลิมอินโดนีเซียมองว่า นโยบายของทรัมป์ยังจะสร้างความแตกแยกทางด้านเชื้อชาติอย่างรุนแรง ด้วยพร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียแสดงท่าทีคัดค้านคำสั่งนี้อย่างเปิดเผย โดยระบุว่าสหรัฐดำเนินนโยบายรุนแรงแบบนี้เป็นเสมือนการฝังศพตัวเองทำลายภาพพจน์ที่ดีของประเทศ ทำลายความเป็นผู้นำประชาธิปไตย รวมถึงลบล้างชื่อเสียงดีๆที่เคยมีมาในอดีต ขณะที่โฆษกสายการบินการูด้า ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของอินโดนีเซีย แถลงว่าทางสายการบินยังคงมีแผนการบินตรงไปยังสหรัฐแม้จะมีคำสั่งห้ามนี้ออกมา โดยกำลังเจรจาจะนำเครื่องบินโดยสารบินจากกรุงจาร์กาตาร์ ไปยังนครลอสแองเจลิสของสหรัฐแวะที่ญี่ปุ่น
ขณะเดียวกันประธานาธิบดีทรัมป์ได้เสนอชื่อนายนีล กอร์ซุซ ผู้พิพากษาสายอนุรักษ์นิยม จากรัฐโคโลราโด ให้เข้าสู่ทำเนียบองค์คณะตุลาการศาลฎีกาในตำแหน่งที่ 9 ซึ่งว่างเว้นมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว หลังการเสียชีวิตของนายอันโตนิน สกาเลีย โดยทรัมป์กล่าวชื่นชมนายกอร์ซุซว่า เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถด้านกฎหมายเป็นอย่างดี มีความเข้าใจในระบบตุลาการ โดยเชื่อมั่นว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกขั้วการเมือง หากนายกอร์ซุซวัย 49 ปี ได้รับการเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐ เขาจะถือเป็นผู้พิพากษสศาลฎีกาที่มีอายุน้อยที่สุดในรอบ 25 ปี แต่การที่กอร์ซุซมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมขวาจัดมากเกินไปก็ทำให้หลายฝ่ายคัดค้านการนั่งตำแหน่งนี้ของเขา โดยมีกลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคนชุมนุมประท้วงการเสนอชื่อเขาที่อาคารศาลฎีกา ในกรุงวอชิงตัน
โดยหลายคนห่วงกังวลว่าสิทธิมนุษยชนและสิทธิสตรี กำลังจะถูกทำลายลงและที่ผ่านมาผู้พิพากษาท่านนี้ไม่เคยใส่ใจเรื่องสิทธิแรงงานเลย คาดว่าต่อไปนี้สหรัฐก็จะเข้มงวดมากขึ้นในเรื่องการต่อต้านการทำแท้ง สิทธิในการพกพาอาวุธปืน และสิทธิในการนับถือศาสนาว่ากันว่านายกอร์ กุซ จะถอดแบบความอนุรักษ์นิยมสุดขั้วแบบเดียวกับนายสกาเลียเลยทีเดียว.-สำนักข่าวไทย