ศิริราช 13 ต.ค.- “หมอประสิทธิ์” คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เชื่อเปิดประเทศ ยอดติดเชื้อเพิ่มแน่ แต่จะอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้
ศาตราจารย์ นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ว่า ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว หากถามว่าไทยพร้อมเปิดประเทศแล้วหรือไม่ คำตอบคือ คงไม่เห็นด้วยแน่ๆ แต่ ณ เวลานี้ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนไป จึงมองว่าเห็นด้วย เพราะอัตราการฉีดวัคซีนในไทยขณะนี้เข็ม 1 ฉีดครอบคลุมคนไทยได้เกินร้อยละ 50 แล้ว ส่วนเข็ม 2 ก็เกิน 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดไปแล้วรวมถึงผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งกว่าจะถึงเดือนพฤศจิกายน ยอดการฉีดวัคซีนเข็ม 1 น่าจะครอบคลุมคนไทยได้เกินร้อยละ 60 เป็นจำนวนที่เยอะพอ ก็จะช่วยลดความรุนแรง และช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้
แต่ก็ขอย้ำว่า การจะเปิดประเทศได้หรือไม่นั้น ต้องมี 3 มาตรการที่ทำควบคู่กัน คือ 1.มาตรการการฉีดวัคซีน แม้ตอนนี้จะฉีดเยอะแล้ว แต่ก็ยังต้องระดมฉีดอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยการจะทำให้มาตรการนี้สำเร็จคือ ต้องมีวัคซีนเพียงพอ ซึ่งขณะนี้มีมากพอแล้ว ตั้งแต่เดือนนี้ไทยจะมีวัคซีนเข้ามาเดือนละ 20 ล้านโดส และคนในประเทศก็ต้องยอมให้ฉีดด้วย 2.มาตรการส่วนบุคคลที่หย่อนยานลงไม่ได้ ต้องดำเนินการตามมาตรการเคร่งครัด และ 3.มาตรการด้านบริหารจัดการ และการปกครอง ต้องเข้มงวด ในกรณีที่มีมาตรการชัดเจน แต่ประชาชนไม่ทำตาม แล้วเกิดการแพร่ระบาด
นายแพทย์ประสิทธ์ ยังมองว่าหากเปิดประเทศแล้ว ส่วนตัวคาดการณ์ว่าอาจจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่เป็นไร หากไม่มีผู้เสียชีวิต หรือตัวเลขผู้ติดเชื้อที่จะเพิ่มขึ้นนั้นยังอยู่ในสัดส่วนที่ควบคุมได้ ส่วนตัวเลขที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มนั้นมีที่มาได้จากทั้ง 2 ส่วน คือ ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือ การหย่อนยานทางมาตรการจากคนในประเทศ ซึ่งก็มีโอกาสที่เป็นไปได้ทั้ง 2 อย่าง แต่ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาก็มีการควบคุมที่เข้มข้นอยู่แล้วจึงไม่น่าห่วงซักเท่าไหร่ การให้ตรวจหาเชื้อที่มากกว่า 1 ครั้ง ตั้งแต่ประเทศต้นทาง และเมื่อมาถึงแผ่นดินไทย ซึ่งจะช่วยทำให้เชื้อไม่หลุดลอดเข้ามาได้ ฉะนั้นเมื่อเปิดประเทศไม่ใช่เรื่องที่ว่าใครจะต้องกลัวใคร แต่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเข้มงวดในมาตรการด้านสาธารณสุข
นายแพทย์ประสิทธิ์ ยังขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มงวด ถ้าทำได้ ก็เชื่อว่าจะได้ผล แต่ต้องทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่พูดแล้วไม่ทำ ซึ่งก็จะส่งผลทำให้การประเมินมาตรการต่างๆ ทำไม่ได้ ทั้งนี้หากมีมาตรการแล้ว ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังขึ้น ก็อาจจะต้องเข้มเรื่องมาตรการขึ้นเช่นกัน อย่างปีที่แล้วมาตรการการผ่อนคลายมี 6 ขั้นตอน ถ้าปีนี้ค่อยๆ ผ่อนแล้วติดตามดู อย่าเร็วจนเกินไป โดยข้อดีในตอนนี้คือ ไทยมีวัคซีนแล้ว แต่ข้อเสียคือ การระบาดของสายพันธุ์เดลตา แต่ขณะนี้เชื่อว่าไทยยังคุมอยู่ได้ในระดับหนึ่ง เห็นได้จากคนไข้ที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ คนไข้ปอดอักเสบ เริ่มน้อยลง รวมถึงผู้ติดเชื้อก็เริ่มลดลง ซึ่งความสำเร็จที่กำลังจะเกิดหลังเปิดประเทศ ซึ่งจะได้หรือไม่ได้ ก็ยังไม่ทราบ ไม่ได้ขึ้นกับรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว ต้องต้องมาจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน.-สำนักข่าวไทย