ประกาศ 5 องค์กรแพทย์ “การกลับเข้าสู่สังคมของผู้ป่วยโควิด”

กรุงเทพฯ 8 ต.ค.-องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ 5 องค์กรร่วมออกประกาศเสนอให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการรักษาหรือกักตัวครบแล้ว สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ โดยไม่ต้องตรวจหาเชื้อซ้ำ เพราะไม่มีประโยชน์ เป็นภาระเวลาและการเงินของบุคคล หน่วยงาน


เพจเฟซบุ๊ก “สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย” เผยแพร่ประกาศร่วมองค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ เรื่อง การกลับเข้าสู่สังคมของผู้ป่วยโควิด-19 หลังครบกำหนดรักษาหรือกักตัว ลงนามโดย ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย , ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม นายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ,พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย นพ.อดุลย์ บัณฑุกุล นายกสมาคมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย และ ศ.วุฒิคุณ ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย

โดยระบุว่า เพื่อให้มีการปฏิบัติในแนวทางเดียวกันในการกลับเข้าสู่สังคมของผู้ป่วยโควิด-19 หลังครบกำหนดการรักษาหรือกักตัว องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ 5 องค์กร ขอเรียนชี้แจงแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนทุกท่าน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และช่วยให้ผู้ป่วยโควิด-19 ตลอดจนสังคมส่วนรวม ได้กลับเข้าสู่การดำรงชีวิตอย่างปกติโดยเร็ว ดังนี้


  1. ระยะเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล หรืออยู่พักรักษาตัวที่บ้านหรือสถานที่ที่รัฐจัดให้ หลังจากมีอาการหรือหลังจากการตรวจ RT-PCR ได้ผลบวก เป็นเวลา 14 หรือ 21 วัน ถ้ามีอาการรุนแรงหรือภูมิคุ้มกันต่ำ ถือว่าเป็นระยะเวลากักตัว เนื่องจากในช่วงเวลานั้น ผู้ติดเชื้อจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่จัดขึ้นเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
  2. ข้อมูลจากการศึกษาอย่างกว้างขวางบ่งชี้ว่า ระยะเวลาการกักตัวหลังจากมีอาการหรือหลังจากการตรวจ RT-PCR ได้ผลบวกเพียง 10 วันก็เพียงพอหากอาการไม่รุนแรงหรือไม่ใช่ผู้ติดเชื้อภูมิคุ้มกันต่ำ แต่ถ้ามีอาการรุนแรงหรือภูมิคุ้มกันต่ำ ให้กักตัว 21วัน ซึ่งในกรณีหลัง ผู้ติดเชื้อมักจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาตัวในห้องแยกในโรงพยาบาลนานกว่านั้น ดังนั้นเมื่อได้รับอนุญาตให้กลับบ้านแล้ว ทั้งหมดจึงจัดเป็น ผู้ที่พ้นระยะเวลาการแพร่เชื้อแล้ว ไม่ต้องกักตัวต่ออีก ตามแนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย
  3. การศึกษาในต่างประเทศ และในประเทศไทยพบว่าเมื่อผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาหรือกักตัวตามระยะเวลาดังกล่าวแล้วกลับไปอยู่ที่บ้านและใช้ชีวิตทางสังคมตามปกติ ไม่ปรากฏว่ามีการติดเชื้อในบุคคลรอบข้างหรือการระบาดของโรคที่มีต้นตอมาจากผู้ติดเชื้อเหล่านี้เลย
  4. การตรวจ RT-PCRจากการป้ายจมูกหรือใช้น้ำลายเป็นการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ สามารถตรวจพบได้ในผู้ที่เพิ่งจะมีการติดเชื้อ ไปจนกระทั่งอย่างน้อย 3 เดือนหลังจากผู้ติดเชื้อหายจากโรคแล้ว เมื่อทำการเพาะเชื้อ (culture) ซึ่งเป็นการตรวจว่ายังมีตัวเชื้อที่แบ่งตัวและก่อโรคได้หรือไม่ พบว่าผู้ติดเชื้อมีอาการหรือได้รับการตรวจพบว่าติดเชื้อมานานเกินกว่า 10 วันจะเพาะเชื้อไม่ขึ้น แม้ว่าจะยังตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้ออยู่ จึงมีการใช้คำว่าสิ่งที่ตรวจพบคือ “ซากเชื้อ” ซึ่งไม่สามารถทำอันตรายได้ ดังนั้น การตรวจ RT-PCR ซ้ำ เมื่อผู้ติดเชื้อได้รับการวินิจฉัยแล้วหรือพ้นระยะแพร่เชื้อดังกล่าวข้างต้นแล้ว จึงไม่มีประโยชน์ใด ๆ และองค์กรทางการแพทย์ทั่วโลกก็แนะนำว่าไม่ต้องทำ เช่นเดียวกับที่ระบุไว้ในแนวทางการรักษาโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข
  5. การตรวจหาโปรตีนของไวรัส ที่เรียกกันทั่วไปว่า ATK (Antigen Test Kit) เหมาะสำหรับการตรวจคัดกรองผู้ที่มีประวัติสัมผัสโรคและมีอาการที่น่าสงสัยว่าจะเป็นโควิด-19 ไม่ใช้ในการตรวจเพื่อยืนยันว่าผู้ติดเชื้อนั้นหายจากโรคหรือไม่มีเชื้อแล้ว
  6. ผู้ติดเชื้อจำนวนไม่น้อย ยังมีอาการบางอย่างอยู่เป็นเวลานาน เช่น การได้รับกลิ่น/รสผิดปกติ การไอ อาการเหนื่อย อ่อนเพลีย มีการตรวจเพาะเชื้อจากบุคคลเหล่านี้ ก็ไม่สามารถเพาะเชื้อขึ้นได้ และการติดตามผู้สัมผัสจำนวนมากในต่างประเทศ พบว่า ไม่มีใครติดเชื้อจากบุคคลเหล่านี้แม้จะยังมีอาการอยู่บ้าง ดังนั้นจึงถือได้ว่าปลอดภัย และไม่มีความจำเป็นต้องทำการ “ตรวจหาเชื้อซ้ำให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อแล้ว” แต่ประการใด

องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ 5 องค์กร ดังรายนามปรากฏท้ายเอกสารนี้ จึงขอแนะนำว่า

1.เมื่อผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาหรือกักตัวหลังจากมีอาการหรือหลังจากการตรวจ RT-PCR ได้ผลบวก ครบ 14 วัน หรือ 21 วันกรณีมีอาการรุนแรงหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำอย่างมาก (เช่น ได้รับยากดภูมิขนาดสูง) และได้รับอนุญาตให้กลับบ้านแล้ว ผู้นั้นจะไม่มีการแพร่เชื้อไปสู่บุคคลอื่น จึงไม่จำเป็นต้องกักตัวต่อ และสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ โดยแนะนำให้ปฏิบัติตนตามแนววิถีชีวิตใหม่เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป

2.ไม่ต้องทำการตรวจหาเชื้อซ้ำอีก ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด เพราะไม่มีประโยชน์ เป็นภาระทั้งด้านเวลาและการเงินของบุคคล/หน่วยงาน และเป็นอุปสรรคต่อการกลับไปใช้ชีวิตทางสังคมตลอดจนการประกอบอาชีพอย่างปกติ


องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ ขอเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนในสังคม ปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อที่หายจากโรคแล้ว ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง มีเมตตา ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เพื่อให้สังคมและเศรษฐกิจ กลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สาวซิ่งรถหรูชนท้าย จยย. ทำแม่ลูกดับ 3 ศพ

แม่ขี่ จยย.ไปรับลูก 2 คน กลับจากเรียนพิเศษ ถูกสาวขับรถหรูซิ่งชนท้าย ร่างกระเด็นตกสะพานข้ามรางรถไฟ เสียชีวิตทั้ง 3 คน ส่วนผู้ก่อเหตุอุ้มแมว ทิ้งรถ หลบหนีไป

ปิดล้อมล่ามือปืนคลั่งสังหาร 3 ศพ

ตำรวจเร่งไล่ล่ามือปืนคลั่งก่อเหตุยิง 3 ศพ ในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ล่าสุดปิดล้อมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ รอยต่อ จ.เลย หลังพบเบาะแสคนร้ายหนีไปซ่อนตัว ขณะที่ชนวนสังหารยังไม่แน่ชัด

ลูกชายมือปืนคลั่งยิง 3 ศพ พาครอบครัวหนีตาย พ่อโพสต์ขู่ฆ่าล้างครัว

ลูกชายมือปืนคลั่งยิงดับ 3 ศพ ต้องพาภรรยาและลูก รวมถึงพ่อตา-แม่ยาย หนีไปอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังพ่อโพสต์ข้อความขู่จะฆ่าล้างครัว เหตุจากปัญหาในครอบครัว

ชายคลั่งยิง3ศพ

ชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ โผล่วัดที่ จ.เลย ขอข้าวกิน ก่อนหนีเข้าป่า

แม่ครัววัดภูคำเป้ ต.ผาสามยอด อ.เอราวัณ จ.เลย เผยพบชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ เดินเข้ามาในวัดด้วยสภาพอิดโรย ขอข้าวกิน ลักษณะรีบกินเหมือนวิตกกังวล หลังกินเสร็จรีบเดินเข้าป่าหายไป ก่อนมาทราบภายหลังว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต

ข่าวแนะนำ

สงขลาประกาศเขตภัยพิบัติแล้วทุกอำเภอ เร่งช่วยน้ำท่วมวิกฤติ

ผู้ว่าฯ สงขลา ลงนามประกาศให้ทั้ง 16 อำเภอ เป็นเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินอุทกภัยและวาตภัย เพื่อเร่งรัดให้ความช่วยเหลือประชาชน บรรเทาความเดือดร้อน โดย อ.จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย ยังมีระดับน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้น

จ.ยะลา น้ำท่วมสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบหลายสิบปี

จ.ยะลา โดยเฉพาะ อ.เมือง ปีนี้น้ำท่วมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปี และวันนี้ (28 พ.ย.) น้ำยังขยายวงกว้างอีกหลายจุด ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากกว่า 120,000 คน ถนนถูกน้ำท่วมแล้ว 158 สาย ใน 8 อำเภอ 58 ตำบล

ศาลไม่ให้ประกันเมีย-ลูก “หมอบุญ” ชี้ความเสียหายสูง หวั่นหลบหนี

ศาลอาญาไม่ให้ประกันภรรยา-ลูก “หมอบุญ” ชี้การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ความเสียหายสูง เกรงหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ส่วนปมปลอมลายมือชื่ออยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์

มือยิง 3 ศพ ขอโทษ-สำนึกผิด อ้างบันดาลโทสะ

ตำรวจแถลงข่าวจับกุม “สามารถ” ผู้ต้องหายิง 3 ศพ ในพื้นที่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู หลังจากติดต่อมอบตัว พร้อมยอมรับผิด ขอโทษญาติผู้เสียชีวิต อ้างบันดาลโทสะจึงก่อเหตุ และไม่มีอาการคลั่งตามที่เป็นข่าว