วอชิงตัน 16 พ.ย.- แวดวงวิทยาศาสตร์ในสหรัฐเกรงว่ารัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์จะเป็นปรปักษ์ต่อวงการวิทยาศาสตร์ เนื่องจากเขาไม่เชื่อเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและจะลดงบประมาณการวิจัย
นางโรบิน เบลล์ ว่าที่ประธานสหภาพธรณีฟิสิกส์อเมริกันเผยว่า กำลังเกิดกระแสวิตกว่าพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ในสหรัฐจะถึงจุดตกต่ำตั้งแต่เรื่องเงินทุนไปจนถึงการดึงดูดนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกเพื่อทำการวิจัย ขณะที่นายไมเคิล มานน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ระบบโลก มหาวิทยาลัยเพนน์ซิลเวเนียกล่าวว่า หากทรัมป์ทำตามที่หาเสียงไว้และถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงโลกร้อนปารีส หนทางการรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้ถึงระดับอันตรายก็ยากจะเป็นไปได้ ส่วนนายรัช โฮลต์ ผู้อำนวยการสมาคมอเมริกันเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นสมาคมวิทยาศาสตร์ทั่วไปที่ใหญ่ที่สุดในโลกระบุว่า เห็นได้ชัดว่าทรัมป์ไม่มีข้อมูลในหลายเรื่อง และน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งที่เขาเลือกนายไมรอน อีเบลล์ ผู้ไม่เชื่อเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหัวหน้าคณะการถ่ายโอนอำนาจในสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
นักวิทยาศาสตร์เกือบ 400 คน ในจำนวนนี้เป็นเจ้าของรางวัลโนเบล 30 คนเขียนจดหมายเปิดผนึกเมื่อเดือนตุลาคมวิจารณ์เรื่องที่ทรัมป์เสนอให้สหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงปารีสว่า จะเป็นการประกาศต่อชาวโลกว่าสหรัฐไม่สนใจปัญหาโลกเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอันเกิดจากฝีมือมนุษย์ ซึ่งจะส่งผลร้ายแรงและยาวนานต่อโลกและความน่าเชื่อถือของสหรัฐ
นอกจากทรัมป์ที่ประกาศว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องหลอกลวงที่จีนกุขึ้นและประกาศจะถอนตัวจากข้อตกลงโลกร้อนปารีสแล้ว นายไมค์ เพนซ์ ว่าที่รองประธานาธิบดีก็มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดโต่งและไม่ยอมรับทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ลส์ ดาร์วิน นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ.-สำนักข่าวไทย