สงขลา 4 ก.พ.-ประธานชมรมชาวนาจังหวัดสงขลายืนยันการออกมารวมตัวของชาวนาผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน 4 อำเภอคาบสมุทรสทิงพระ เพื่อขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าวสำหรับปลูกใหม่ ไม่มีนัยยะการเมืองแอบแฝง แต่เป็นความต้องการที่แท้จริงของชาวนา เพราะเห็นว่าการให้เงินช่วยเหลือของรัฐบาล เป็นการช่วยเหลือที่ยังไม่ตรงจุด
จากกรณีชาวนาที่ประสบภัยน้ำท่วมใน 4 อำเภอคาบสมุทรสทิงพระ ออกมารวมตัวกันเมื่อ 2 วันก่อนที่วัดวารีปาโมกข์ อ.ระโนด จ.สงขลา เพื่อขอสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวสำหรับปลูกใหม่ หลังนาข้าวถูกน้ำท่วมและเมล็ดพันธุ์ที่เก็บเอาไว้เสียหายทั้งหมด แต่กลับถูกมองว่า มีอดีตนักการเมืองใน จ.สงขลา อยู่เบื้องหลังชักชวนชาวนาให้ออกมารวมตัวกันกดดันรัฐบาลโดยมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝง และความจริงแล้วชาวนาส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวนั้น
นายถาวร แซ่อิ้ว ประธานชมรมชาวนาจังหวัดสงขลา เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าวนั้น เป็นความต้องการของชาวนาอย่างแท้จริง หลังประสบความเดือดร้อนจากการทำนาไม่ได้ผลผลิต และถูกน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งการช่วยเหลือของส่วนราชการนั้นมีความล่าช้า จึงต้องขอความช่วยเหลือจากสมาพันธ์เกษตรกรฯ ที่ช่วยเหลือชาวนามาโดยตลอด
ส่วนที่จังหวัดนำเงินบริจาคมาจัดซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าว จำนวน 170 ตันให้ชาวนาผู้ประสบภัย ก็ถือว่าไม่เพียงพอ เพราะชาวนาที่นี่ทำนาด้วยการหว่านนาตม ต้องใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวไร่ละ 25 กก.ไม่ใช่ 10-15 กก.อย่างที่เข้าใจกัน ซึ่งเมล็ดพันธุ์ 170 ตันจะช่วยชาวนาได้ไม่กี่พันไร่ แต่นาข้าวเสียหายไม่น้อยกว่า 1 แสนไร่ ซึ่งต้องใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว 2,500 ตัน ขณะที่การช่วยเหลือของรัฐบาล ทั้งการมอบเงินให้ครัวเรือนละ 3,000 บาท รวมถึงการช่วยเหลือเรื่องความเสียหายไร่ละ 1,000 บาทเศษ ก็ไม่เพียงพอและไม่ใช่การช่วยเหลือที่ตรงจุด
“ดังนั้น จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมถึง พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จริง เพื่อสอบถามกับชาวนาโดยตรง ซึ่งจะได้รับข้อมูลที่ชัดเจนมากกว่า”ประธานชมรมชาวนาจังหวัดสงขลา กล่าว.-สำนักข่าวไทย