วอชิงตัน 6 ต.ค. – สมาชิกรัฐสภาสหรัฐกล่าวหาว่า นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของเฟซบุ๊ก ให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าความปลอดภัยของผู้ใช้งาน และเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐตรวจสอบข้อกล่าวหาของอดีตพนักงานเฟซบุ๊กที่ระบุว่า เฟซบุ๊กทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพจิตของเด็กและส่งเสริมการแบ่งแยก
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า ในระหว่างการขึ้นให้ข้อมูลต่อคณะอนุกรรมาธิการด้านพาณิชย์ของวุฒิสภาสหรัฐ ฟรานเชส ฮาวเกน วัย 37 ปี อดีตลูกจ้างของเฟซบุ๊ก อิงค์ เรียกร้องให้เกิดความโปร่งใสเกี่ยวกับกระบวนการที่เฟซบุ๊กดึงดูดผู้ใช้งานให้เลื่อนดูข้อมูลเพื่อสร้างโอกาสสำหรับผู้ลงโฆษณาในการเข้าถึงผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ผู้บริหารของเฟซบุ๊กรู้ดีว่าจะทำให้เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมปลอดภัยขึ้นได้อย่างไร แต่เขากลับนิ่งเฉยเพราะเฟซบุ๊กให้ความสำคัญกับผลกำไรมหาศาลมากกว่าประชาชนผู้ใช้งาน ดังนั้น รัฐสภาสหรัฐจึงต้องดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้
วุฒิสมาชิกแดน ซัลลิแวน จากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า เขารู้สึกกังวลในประเด็นที่ว่าเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเด็ก ขณะที่ วุฒิสมาชิกริชาร์ด บลูเมนธาล จากพรรคเดโมแครตในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านพาณิชย์ของวุฒิสภาสหรัฐ ระบุว่า เฟซบุ๊กรู้ดีว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นสิ่งเสพติดคล้ายบุหรี่ และเรียกร้องให้นายซักเคอร์เบิร์กขึ้นให้การต่อคณะอนุกรรมาธิการด้านพาณิชย์ของวุฒิสภาสหรัฐ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ และคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลสหรัฐ เพื่อดำเนินการตรวจสอบเฟซบุ๊ก
ในเวลาต่อมา นายซักเคอร์เบิร์กได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ข้อโต้แย้งที่ระบุว่าบริษัทส่งเสริมเนื้อหาที่ทำให้ผู้คนโกรธเคืองเพื่อสร้างผลกำไรนั้นไม่สมเหตุสมผล เฟซบุ๊กได้เงินจากค่าโฆษณา และผู้ลงโฆษณามักบอกบริษัทอยู่เสมอว่า พวกเขาไม่ต้องการให้โฆษณาไปปรากฏใกล้กับเนื้อหาที่อันตรายหรือสร้างความโกรธเคือง และเขาก็ไม่เคยเห็นบริษัทเทคโนโลยีใดที่มุ่งสร้างผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกโกรธเคืองหรือซึมเศร้า ทั้งยังกล่าวทิ้งท้ายว่า เฟซบุ๊กจะไม่หยุดค้นคว้าเกี่ยวกับผลกระทบของผลิตภัณฑ์ที่มีต่อสังคม แต่รัฐสภาสหรัฐต้องปรับปรุงกฎหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดอายุของวัยรุ่นในการใช้งานอินเทอร์เน็ต.-สำนักข่าวไทย