ก.คลัง 6 ก.พ. – นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีต่อสัญญาพัฒนาโครงการศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ให้กับบริษัท เอ็น.ซี.ซี แมเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ เอ็น.ซี.ซี ว่า เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ในสัญญาเดิมมีการกำหนดโครงการให้เอ็น.ซี.ซี เข้ามาพัฒนา เนื่องจากในสัญญากำหนดว่าหากบริษัทไม่ได้กระทำความผิดรัฐบาลไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้และจะเสี่ยงต่อการถูกเอกชนฟ้องร้องจนเกิดความเสียหาย รัฐบาลเห็นว่าการเดินหน้าเจรจาต่อสัญญาจะทำให้รัฐได้ประโยชน์มากกว่าและปัญหาเกิดขึ้นมาจากการปรับผังเมืองใหม่ ไม่ใช่มาจากเอกชน จึงทำให้ไม่สามารถพัฒนาที่ดินดังกล่าวเป็นโรงแรมอาคารสูงตามสัญญาได้ ดังนั้น ในร่างสัญญาใหม่ที่กรมธนารักษ์จะทำต้องมีการแก้ไขใหม่ โดยห้ามระบุว่าหากไม่ใช่ความผิดเอกชนจะยกเลิกสัญญาไม่ได้ เพราะสัญญาทุกฉบับที่กรมธนารักษ์ทำไว้ระบุข้อความดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาติดขัด
ส่วนการที่รัฐบาลขยายระยะเวลาสัญญาให้ภาคเอกชนจาก 30 ปี เป็น 50 ปีนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เพื่อเป็นการจูงใจให้เอกชนลงทุนพัฒนา เพราะโครงการพัฒนาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 60,000 ล้านบาท หากพิจารณาผลตอบแทนระยะเวลา 30 ปี ผลตอบแทนอยู่ที่ร้อยละ 4 แต่หากเทียบกับระยะเวลา 50 ปี ผลตอบแทนอยู่ที่ร้อยละ 6 ซึ่งเอกชนจะให้ความสนใจมากกว่า โดยรัฐบาลไม่ต้องใช้งบประมาณลงทุน แต่จะได้ศูนย์ประชุมแห่งใหม่ที่รองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ กระทรวงคลังอยู่ระหว่างศึกษาการขึ้นภาษีสรรพาสามิตเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เบื้องต้น กระทรวงคลังวางแนวทางรูปแบบสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากภาคเอกชนสามารถลดปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม เพื่อดูแลสุขภาพผู้บริโภค เพราะการปรับขึ้นภาษีจะต้องดูผลกระทบหลายฝ่าย ทั้งผู้ผลิตน้ำตาล ชาวสวนชาวไร่ หากลดการใช้น้ำตาลลงอาจมีผลต่อรายได้ ซึ่งขณะนี้เอกชนขอเวลาปรับตัว 2 ปีสำหรับโครงสร้างภาษีใหม่.- สำนักข่าวไทย