อส.สะเดาะกุญแจขโมยปืนหลวงขาย 65 กระบอก

สระแก้ว 13 ก.ย – แก๊ง อส. และพวก ที่ร่วมกันขโมยปืนจากตู้คลังอาวุธ ที่ว่าการอำเภอเมืองสระแก้ว ไปถึง 65 กระบอก ถูกพาส่งศาลฝากขังแล้ว มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุมีทั้งเรื่องเงินและเพื่อนชวน.-สำนักข่าวไทย


อาวุธปืนลูกซองยาวของกลาง ที่ตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว ติดตามกลับมาได้ หลังคุมตัวแก๊งอาสารักษาดินแดนที่ร่วมกันขโมยปืนในคลังเก็บอาวุธ ที่ว่าการอำเภอเมืองสระแก้ว ไปขาย

ชุดสอบสวนนำกำลังเข้าจับกุมได้ผู้ต้องหาทั้งหมด 3 คน คือ นายตั้ม เจ้าหน้าที่ อส.ประจำที่ว่าการอำเภอเมืองสระแก้ว นายเล็ก เจ้าหน้าที่ อส.ประจำศาลากลางจังหวัดสระแก้ว และนายเต๋า ชาววัฒนานคร ผู้รับซื้อปืน ตำรวจเค้นสอบขยายผลจนจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้เพิ่มอีก 1 คน คือ นายนิพนธ์ ชาวอำเภอเมืองสระแก้ว


พฤติการณ์ของผู้ต้องหา เริ่มจากนายตั้ม อส.ประจำที่ว่าการอำเภอเมืองสระแก้ว ซึ่งมีหน้าที่เฝ้าเวรยามในห้องจัดเก็บอาวุธ เมื่อสบโอกาสจะใช้คลิปหนีบกระดาษสะเดาะกุญแจตู้คลังอาวุธเก็บปืน จำนวน 3 ตู้ โดยจะเลือกเอาอาวุธปืนที่เป็นชุดสำรองของฝ่ายปกครอง และยังคงสภาพใช้งานได้เท่านั้น จากนั้นจะติดต่อ นายเล็ก ซึ่งเป็น อส.ประจำศาลากลางจังหวัด นัดส่งอาวุธปืน โดยใช้บ้านพักข้าราชการด้านหลังศาลากลางจังหวัดเป็นจุดนัดส่งของ และเมื่อนายเล็กได้รับของแล้วจะติดต่อนายเต๋า ชาววัฒนานคร เพื่อขายอาวุธปืนต่อไป

จากการตรวจสอบพบว่า ห้องที่เกิดเหตุจะอยู่บริเวณชั้น 2 ของที่ว่าการอำเภอ เป็นห้องรับ-ส่งวิทยุ ภายในจะมีตู้เหล็กสำหรับเก็บอาวุธปืน ห้องนี้จะติดกับห้องพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง และอยู่เยื้องกับห้องนายอำเภอเมืองสระแก้ว

นายตั้ม เปิดปากรับสารภาพว่า ก่อเหตุมาแล้ว 21 ครั้ง จะทยอยนำอาวุธปืนออกมาตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม และนำไปขายต่อให้อีกหลายคน ครั้งล่าสุด คือ วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา อาวุธปืนทั้งหมดรวมแล้ว 65 กระบอก แบ่งเป็นปืนพกสั้น 2 กระบอก ปืนลูกซองยาว 63 กระบอก และช่วงเดือนสิงหาคม มีการซื้อ-ขายปืนลูกซองมากถึง 12 กระบอก ในครั้งเดียวกัน อาวุธปืนทั้งหมดจะนำไปขายในราคาตั้งแต่ 2,000 บาท ไปจนถึง 10,000 บาท อย่างปืนลูกซอง จะขายกระบอกละ 2,000-3,000 บาท ส่วนปืนพกสั้นออโตเมติก ขนาด 9 มม. จะขายกระบอกละ 10,000 บาท มูลเหตุจูงในการก่อเหตุครั้งนี้ นายตั้มมีปัญหาทางการเงิน และถูกชักจูงโดยเพื่อน ซึ่งนายเต๋าเป็นตัวการใหญ่ เพราะเป็นที่รู้จักในวงการลักลอบขายอาวุธปืน


ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เชื่อว่าขบวนการขโมยปืนหลวงในครั้งนี้มีการรับซื้อทั้งในและนอกพื้นที่ ส่วนใหญ่ผู้รับซื้อปืนจะเป็นบุคคลทั่วไป และคนสวน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขยายผล เบื้องต้นติดตามปืนลูกซองกลับคืนมาได้แล้ว 8 กระบอก โดยตั้งข้อหาผู้ต้องหา ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่นในสถานที่ราชการและรับของโจร และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนคุมตัวทั้งหมดฝากขังศาลจังหวัดสระแก้วต่อไป

คดีนี้ปลัดอำเภอเมืองสระแก้วเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมือง เมื่อ 10 กันยายนที่ผ่านมา ก่อนจะสืบสวนในทางลับเพื่อหาผู้กระทำผิด กระทั่งทราบว่าจุดเริ่มต้นเกิดจาก นายตั้ม อส.ประจำที่ว่าการอำเภอ ก่อนเข้าจับกุมเมื่อวานนี้ นำไปสู่การขยายผลจับกุมจนได้ผู้ต้องหาครบทั้ง 4 คน . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง