ทูตจีนหนุนไทยแลนด์ 4.0

สยามพารากอน  15 ก.พ. –  นายหนิง ฟู่ขุย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา “มองหาอนาคต…ยุค 4.0″ จัดโดยสภาธุรกิจไทย-จีน ว่า  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน Opportunity Thailand แสดงถึงนโยบายไทยที่มุ่งเสริมสร้างเศรษฐกิจและกำหนดทิศทางพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต เห็นได้จากการเดินหน้าโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก  (EEC) จึงเชื่อว่าเศรษฐิจไทยจะมีอนาคตที่สดใสสวยงามและก้าวเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 อย่างแน่นอน ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวล่าช้า ประเทศที่มีรายได้ปานกลางอย่างจีนและไทยต้องเผชิญแรงกดดันหนัก เพราะแนวทางการพัฒนาที่ผ่านมาเข้าสู่ภาวะคอขวด จึงต้องระมัดระวังไม่ให้ติดกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ขณะเดียวกันต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการพัฒนา


นายหนิง  กล่าวว่า  ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลไทยมีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจจากไทยแลนด์ 3.0 ไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะเปลี่ยนความได้เปรียบข้อได้เปรียบความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตและวัฒนธรรมของประเทศไทย ให้เป็นศักยภาพการแข่งขันสูง เพื่อเสริมสร้างเครื่องจักรเศรษฐกิจของชาติแบบใหม่สอดคลัองกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของจีนอย่างมาก ตามนโยบาย  One Belt and Road 2015 ซึ่งหากผสมผสานทางด้านเทคนิค เงินทุน เข้ากับประเทศไทยได้ก็จะประสบผลสำเร็จอย่างสวยงามและปัจจุบันประเทศจีนเริ่มผสมผสานเข้าด้วยกันแล้ว ซึ่งอาลีบาบากำลังเสริมสร้างอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยและจีนจะมีการตั้งศูนย์นวัตกรรมอาเซียนในกรุงเทพฯ ช่วยให้จีนสามารถที่จะผสานเข้ากับประเทศในอาเซียนและไทยต่อไป  ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยและจีนยังเดินหน้าเสริมสร้างการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยล่าสุดคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 5 ขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มเป็น 2 เท่าจากปัจจุบันภายใน 5 ปี หรือเป็น 120,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2563 เป็นต้น

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในหัวข้อ “เศรษฐกิจและการเงินไทยยุค 4.0″ ว่า เศรษฐกิจโลกการเงินโลกในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ในสภาวะ 3  ต่ำ 2 สูง ได้แก่ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำ อัตราเงินเฟ้อต่ำ และอัตราดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่ตลาดทุนผันผวนสูงและผู้ได้รับประโยชน์กระจุกตัวสูง ซึ่งประเทศไทยเผชิญ 3 ต่ำ 2 สูงเช่นกัน แต่อาจรุนแรงน้อยกว่า  เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีในช่วง 3ปีที่ผ่านมา เพราะไทยมีกันชนดีจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงถึงร้อยละ 10 จีดีพีสูงเป็นประวัติการณ์ เงินสำรองระหว่างประเทศสูงเป็นอันดับที่ 12 ของโลก และสูงกว่าต่างประเทศ 3.2  เท่า กันชนนี้ช่วยรับมือกับความผันผวนภายนอกได้ดีระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ปรากฎการณ์ 3 ต่ำ 2 สูงนี้จะอยู่กับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ต่อไปเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่จะเกิดขึ้นขนานไปด้วย จะมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างที่สำคัญที่สุด คือ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดหรือยุค 4.0 ซึ่งจะมีผลต่อสภาวะ 3 ต่ำ 2 สูง โดยโลกยุค 4.0 อาจช่วยการพัฒนาประเทศข้ามขั้นสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ได้โดยตรง แต่ในประเทศไม่สามารถปรับตัวได้ทันเศรษฐกิจโตลดลง เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตต่ำระยะยาว เงินเฟ้อจะต่ำมากขึ้น และอัตราดอกเบี้ยจะคงอยู่ในระดับต่ำ ความผันผวนสูงขึ้นจากตลาดเงินตลาดทุนที่เชื่อมโยงกันมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีทางการเงิน และความเหลื่อมล้ำมีแนวโน้มจะสูงขึ้น เพราะช่องว่างทางเทคโนโลยีจะถ่างขึ้น


สำหรับไทยมี 3 เรื่องสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุนับเป็นสิ่งท้าทาย เพราะคนวัยทำงานลดลง สังคมผู้สูงอายุทำให้การเมืองเปลี่ยน สังคมผู้สูงอายุจะทำให้บริบททางการเมืองเปลี่ยนแปลงไปด้วย เนื่องจากฐานเสียงผู้สูงอายุจะสำคัญมากขึ้นและจะเน้นเรื่องการรักษาสิทธิประโยชน์และสวัสดิการของตนเองเป็นหลัก คำนึงอนาคตคนรุ่นต่อไปน้อยลง ทำให้หลายประเทศติดกับดักเศรษฐกิจ การเมือง

การเปลี่ยนแปลงที่  2  คือ การเติบโตของชนชั้นกลาง ประเทศไทยโชคดีแม้เข้าสู่สังคมสูงอายุ แต่อยู่ในพื้นที่ชนชั้นกลางขยายตัวเร็ว ทั้งจีน อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และเมียนมาร์ โดยเติบโตเร็วเป็น 3 เท่าในช่วง 10 ปี เป็น 1,800 ล้านคน ในปี 2563 เร่งเกิดเมือง มีความก้าวหน้าเทคโนโลยี การเปลี่ยนวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ ประกอบกับการเปลี่ยนเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่จากภาคอุตสาหกรรมสู่ภาคบริการ จะสร้างให้เกิดโอกาสทางธุรกิจและเศรษฐกิจอีกมาก  และส่วนที่ 3 คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างด้านความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองที่มีอิทธิพลต่อกันและกันรุนแรงมากขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง

 


สำหรับโจทย์สำคัญที่จะต้องเตรียมพร้อมกับความท้าทายของเศรษฐกิจโลกในยุค  4.0 มี 5 เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่ ต้องปรับภูมิทัศน์ของระบบเศรษฐกิจไทยให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด เรื่องที่  2 พัฒนาคนไทยให้มีผลิตภาพสูง มีความสามารถในการปรับตัว สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และสามารถเรียนรู้ตลอดชีวิต เรื่องที่  3 ต้องเร่งดำเนินนโยบายส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาค เพราะการขยายตัวเศรษฐกิจเอเชียจะทำให้เป็นเอเชียกลายเป็นเสาหลักเศรษฐกิจโลกและมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ มีการขยายตัวชนชั้นกลางสูง ซึ่งช่วยสร้างอุปสงค์ รวมถึงการปรับโครงส้รางเศรษฐกิจจีน นโยบายจีนการการเชื่อมโยงตามนโยบาย  One Belt and Road 2015 เรื่องที่  4 ต้องสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเปราะบาง ทำให้เกิดปัญหาในอนาคต เพราะเศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวน ธุรกิจต้องเข้าใจความเสี่ยงสมัยใหม่ และเรื่องที่  5  ต้องรักษาพลวัตของการปรับตัวในยุค 4.0 ที่การเปลี่ยนแปลงจะเกิดเร็ว ภาคธุรกิจต้องปร้บตัวให้เหมาะสมสภาวะแวดล้อม การลงทุนต้องสร้างศักยภาพ นวัตกรรม พัฒนาบุคลากรที่สอดรับเทคโนโลยี  หากนิ่งเฉยโลกยุค 4.0 จะทำให้สภาวะ 3 ต่ำ 2 สูง ส่งผลกระทบทุกคนรุนแรงขึ้น สร้างสภาวะที่ไม่พึงปรารถนาให้สังคมไทย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในหัวข้อ “ภาพรวมลึกเศรษฐกิจอาเซียนและตัวแปร ปี 2017″ ว่า  ในอนาคตอาเซียนจะเป็นดาวเด่นในสายตานักลงทุน และจะเป็นโอกาสของนักลงทุนไทย เพราะรัฐบาลไทยวางเป้าหมายที่จะให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางของฐานผลิตและตลาดของประชากร 230-240 ล้านคนในอาเซียน ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไทยอนุมัติโครงการพัฒนาเส้นทางรถไฟและถนน เพื่อรองรับกับการที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลาง โดย EEC ถือเป็นโครงการที่จะเปลี่ยนโฉมประเทศไทยทำให้มีการลงทุน 4 ด้าน 15 โครงการ จึงขอให้นักลงทุนพิจารณาและค้นพบโอกาสที่รัฐบาลไทยสร้างขึ้น

นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กล่าวว่า กรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (2560 -2579)  รวมนโยบายไทยแลนด์ 4.0  ด้านโลจิสติกส์ นับเป็นส่วนสำคัญ โดยประเทศไทยสามารถปรับลดต้นทุนด้านนี้ลงเหลือร้อยละ  14.1 ของจีดีพีในปี 2558 ที่ลดลงจากที่อยู่ในระดับร้อยละ 17.1 ในปี 2550 ทั้งนี้ จะต้องปรับปรุงต่อไป โดยมีการปรับปรุงโครงข่ายถนนและรถไฟจะมีการลงทุนด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน ปีที่ผ่านมาและปีนี้รวมถึง 56 โครงการ วงเงินลงทุน 2.295 ล้านล้านบาท โดยปีนี้จะลงทุนรวม 36 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 895,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเดินหน้าพัฒนาระบบ National Single Windows:NSW โดยแผนยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ของประเทศจะช่วยให้ก้าวสู่โลจิสติกส์ 4.0  และจะต้องเกิดขึ้น โดยจะตั้งสำนักงานขึ้นมาดูแลเฉพาะอาจอยู่กรมศุลกากรหรือแยกออกมาเป็นการเฉพาะ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม