ซิดนีย์ 26 ส.ค. – โรงพยาบาลขนาดใหญ่ 2 แห่งของนครซิดนีย์ตั้งเต็นท์ฉุกเฉินนอกอาคารในวันนี้ เพื่อรับมือกับยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ออสเตรเลียพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ทะลุ 1,000 คนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่พบการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 1,029 คน เพิ่มขึ้นจากวันก่อนที่ทำสถิติสูงสุด 919 คน ในจำนวนนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อในนครซิดนีย์และพื้นที่โดยรอบมากถึง 969 คน เพิ่มขึ้นจากวันก่อนที่มี 838 คน ขณะที่รัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 80 คน เพิ่มขึ้นจากวันก่อนที่มี 45 คน ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 47,700 คน และผู้เสียชีวิต 989 คน โดยมีประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปร้อยละ 32 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดส และมีร้อยละ 54 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรก
ในขณะเดียวกัน ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้โรงพยาบาลเวสต์มีดและโรงพยาบาลแบล็กทาวน์ในย่านชานเมืองทางตะวันตกของนครซิดนีย์ต้องตั้งเต็นท์ฉุกเฉินเพื่อคัดกรองผู้ป่วยและตรวจหาเชื้อโควิดเพื่อแก้ปัญหาภาวะตึงตัว สมาคมการแพทย์ฉุกเฉินแห่งออสเตรเลียโพสต์คลิปวิดีโอในทวิตเตอร์เมื่อคืนวันพุธว่า เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพจำเป็นต้องเลือกที่จะรออยู่ในรถพยาบาลร่วมกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด หรือรออยู่ข้างนอกโรงพยาบาลท่ามกลางสายฝนเย็นจัด เนื่องจากโรงพยาบาลเผชิญกับภาวะตึงตัวหลังพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น ขณะนี้ นครซิดนีย์ นครเมลเบิร์น และกรุงแคนเบอร์รา กำลังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดที่ทำให้ชาวออสเตรเลียกว่าครึ่งหนึ่งจากประชากรทั้งหมด 25 ล้านคนต้องอยู่แต่ในบ้าน. -สำนักข่าวไทย