ทำเนียบฯ 16 ก.พ.- โฆษกรัฐบาล แจง คำสั่ง หน.คสช.ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย ช่วยบูรณาการผู้บังคับใช้กฎหมาย และปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ชี้ ดีเอสไอและตำรวจเ ป็นผู้รับผิดชอบหลักตามกฎหมายปกติ วอนทุกฝ่ายร่วมมือ ขณะที่ ผบ.ทบ. ยืนยัน ไม่เพิ่มกำลังหนุน ย้ำยังไม่ใช่กฏหมายพิเศษ
พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง กรณีที่หัวหน้า คสช. มีคำสั่งที่ 5/2560 เรื่อง มาตรการให้อำนาจกำหนดพื้นที่ควบคุม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย บริเวณวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี และพื้นที่โดยรอบ ว่า คำสั่งดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย ในการเข้าตรวจค้น จับกุมผู้กระทำผิด รวมทั้ง ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ในพื้นที่จากผู้ไม่หวังดี ที่อาจก่อความรุนแรงได้
“คำสั่งนี้ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาผู้กระทำผิดไม่ให้ความร่วมมือกับทางราชการ มีการขัดขวาง ปิดบัง ซ่อนเร้น และปิดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานได้ โดยในทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจจะเป็นผู้รับผิดชอบหลัก และใช้กฎหมายปกติเข้าดำเนินการ ส่วนทหารจะทำหน้าที่ผู้สนับสนุน โดยประจำการอยู่รอบนอก” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถฝ่าฟันโล่ห์มนุษย์เข้าไปในพื้นที่ได้ เพราะเกรงว่าประชาชนจะได้รับอันตราย รวมทั้ง การปฏิบัติงานยังมีความซับซ้อน เพราะเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ ทั้งกฎหมายอาญา แพ่ง และการฟอกเงิน ดังนั้น คำสั่งดังกล่าวจะช่วยลดอุปสรรคในการทำงาน เช่น สามารถควบคุมการเข้าออกพื้นที่ ควบคุมระบบสาธารณูปโภค ระบบสื่อสาร การใช้อากาศยานไร้คนขับ ฯลฯ ทำให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายได้ตามอำนาจหน้าที่ และช่วยดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“รัฐบาลขอวิงวอนพระภิกษุและประชาชน ทั้งที่อยู่ในบริเวณวัดและใกล้เคียง ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติงานอย่างรอบคอบ รัดกุม ตามขั้นตอนของกฎหมายและหลักสากล เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
ด้าน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า กองทัพยังไม่มีคำสั่งตั้งผู้บัญชาการเหตุการณ์ ใช้กำลังสนับสนุนด้านใน 2 กองร้อยด้านนอก 4 กองร้อย ไม่มีการเพิ่มกำลังนอกเหนือจากนั้น เพราะทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบหลักของเจ้าหน้าที่ตำรวจและดีเอสไอ ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้จะยังใช้กฏหมายปกติในการดำเนินการ .- สำนักข่าวไทย