สำนักข่าวไทย 14 ส.ค.-รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบแนวทางการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ เพิ่มความครอบคลุมประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 โดยพื้นที่โคราชขานรับเป็นจังหวัดแรก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งรัดการฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป (กลุ่ม 608) เนื่องจากหากติดเชื้อจะเสี่ยงเกิดอาการหนักและเสียชีวิตได้มากกว่าคนทั่วไป กำหนดเป้าหมายความครอบคลุมร้อยละ 70 ในพื้นที่สีแดง และร้อยละ 50 ในจังหวัดที่เหลือ ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ โดยที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ได้เห็นชอบแนวทางการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และการจัดบริการในรูปแบบหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ (Mobile Unit) เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น
โดยทั้งการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ที่ทีมบุคลากรทางการแพทย์ออกไปให้บริการตามบ้าน ที่พัก หรือรถเคลื่อนที่ นอกจากอุปกรณ์พร้อมให้บริการด้านการฉีดวัคซีนแล้ว จะต้องมีอุปกรณ์กู้ชีพพร้อมดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย ซึ่งจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดแรกที่ขานรับนโยบาย โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาได้นำผู้ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนและอาศัยอยู่ในชุมชนมารับการฉีดวัคซีนที่สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่องส่วนผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงได้ส่งทีมบุคลากรการแพทย์เข้าไปฉีดวัคซีนให้ถึงบ้านด้วย
“จากการพูดคุยกับประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 วันนี้ พบว่าทุกคนมีความพึงพอใจอย่างมาก เพราะเข้ารับบริการได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องเดินทางไกลเข้าไปฉีดวัคซีนที่จุดฉีดในเมือง และไม่แออัด ซึ่งหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขพร้อมจัดบริการเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดและเกิดความครอบคลุม” นายอนุทินกล่าว .-สำนักข่าวไทย