นนทบุรี 9 ส.ค. – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือสถาบันอนุญาโตตุลาการ ลงนาม MOU ว่าด้วยการนำกระบวนการอนุญาโตตุลาการและการประนอมข้อพิพาทมาเป็นทางเลือกในการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจของประชาชน ลดการจบปัญหาที่ศาล ซึ่งยืดเยื้อ เสียเวลา สามารถเริ่มธุรกิจใหม่ได้ไวขึ้น
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยภายหลังลงนาม MOU ในวันนี้ ว่า การประกอบธุรกิจย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอปัญหาความเห็นที่แตกต่างกัน ความไม่เข้าใจกัน จนกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างผู้ที่มีส่วนได้เสียในการดำเนินธุรกิจ เช่น กรรมการ ผู้ถือหุ้น ลูกหนี้ เจ้าหนี้ รวมถึงผู้ให้หลักประกัน เมื่อคุยกันไม่ลงตัว เกิดการฟ้องร้องกันอยู่เป็นประจำ สุดท้ายต้องไปพึ่งศาลให้เป็นผู้ตัดสิน ซึ่งกว่าจะถึงบทสรุปได้ต้องใช้เวลายาวนาน และส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของบริษัท คู่กรณี ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ และเป็นการทำลายสัมพันธภาพระหว่างหุ้นส่วน ผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจส่งผลให้ธุรกิจหยุดชะงัก ดำเนินการต่อไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ กรมฯ และสถาบันอนุญาโตตุลาการ (Thailand Arbitration Center : THAC) จึงเล็งหาวิธีการที่จะช่วยลดปัญหาเหล่านั้นลงไปโดยไม่ต้องถึงศาล ซึ่งกระบวนการอนุญาโตตุลาการ (Arbitration) คือ การระงับข้อพิพาททางเลือกนอกศาล หรือการระงับข้อพิพาทโดยไม่ได้ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน แต่ให้บุคคลที่สาม ที่มีความเป็นกลางและเป็นอิสระ เรียกว่า “อนุญาโตตุลาการ” ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่พิพาทเข้ามาเป็นผู้ทำการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทดังกล่าว และกำหนดให้คู่กรณีต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาด คล้ายกับการระงับข้อพิพาทโดยศาล เพียงแต่ไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดโดยศาล ซึ่ง “อนุญาโตตุลาการ” หรือบุคคลที่สาม อาจเป็นบุคคลเดียวหรือหลายบุคคลก็ได้
นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ผู้อำนวยการสถาบันอนุญาโตตุลาการ กล่าวเสริมว่า “สำหรับการประนอมข้อพิพาท (Mediation) คือ กระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยความตกลงยินยอมของคู่พิพาท ก่อนเริ่มกระบวนการอนุญาโตตุลาการ โดยจะมีบุคคลที่สามมาเป็นคนกลาง เรียกว่า “ผู้ประนอมข้อพิพาท” ทำหน้าที่ช่วยเหลือหาทางออกร่วมกันของผู้พิพาททั้งสองฝ่าย เพื่อนำมาสู่ข้อตกลงในการระงับข้อพิพาทร่วมกันอย่างเป็นมิตร (win-win solution) ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการของการระงับข้อพิพาททางเลือก เพียงแต่การประนอมนั้นจะไม่มีการตัดสินออกมาเป็นคำชี้ขาด และไม่ได้กำหนดแน่ชัดว่าใครเป็นคนถูก คนผิดที่ชัดเจน เหมือนกับกระบวนการอนุญาโตตุลาการ”
ข้อดีของการประนอมข้อพิพาทด้วยกระบวนการอนุญาโตตุลาการ คือ 1. สะดวก ขั้นตอนไม่ยุ่งยากและช่วยรักษาความสัมพันธ์ระหว่างคู่พิพาท 2. รวดเร็ว มีประสิทธิผล ใช้เวลาไม่นาน เพราะคู่พิพาทสามารถเลือกบุคคลที่จะทำหน้าที่อนุญาโตตุลาการ หรือผู้ประนีประนอมข้อพิพาท จากผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่ตนพิพาทได้ ทำให้การรับฟังพยานหลักฐานและตัดสินชี้ขาดข้อพิพาทสามารถทำได้รวดเร็ว 3. ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่ากระบวนการทางยุติธรรม 4. รักษาความสัมพันธ์ของคู่กรณี หากคู่พิพาทสามารถตกลงระงับข้อพิพาทกันได้ จะทำให้ลดข้อขัดแย้ง ข้อโต้เถียงระหว่างกัน 5. รักษาชื่อเสียงและความลับทางธุรกิจของคู่พิพาท เนื่องจากพยานหลักฐานและข้อมูลที่นำเสนอไม่สามารถนำไปใช้เป็นพยานหลักฐานอ้างอิงในชั้นศาลได้ เว้นแต่อีกฝ่ายหนึ่งจะยินยอม 6. ลดปริมาณข้อร้องเรียน และข้อพิพาทด้านการจดทะเบียน ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รวมทั้งคดีที่จะขอให้นายทะเบียนเป็นพยาน เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของศาล
อย่างไรก็ตาม จากนี้ไป ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันสนับสนุนให้มีการฝึกอบรม สัมมนา เพื่อพัฒนาบุคลากรของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการระงับข้อพิพาทโดยกระบวนการอนุญาโตตุลาการ และการประนอมข้อพิพาท นอกจากนี้ ยังจะช่วยกันส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร หรือองค์ความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการระงับข้อพิพาททางเลือก สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 1570 และสถาบัน THAC โทร. 0 2018 1615. – สำนักข่าวไทย