กรุงเทพฯ 21 ต.ค. – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตือนคนไทยหยุดพฤติกรรมเป็นนอมินี เอื้อต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ผิดกฎหมาย มีโทษถูกปรับและจำคุก ย้ำเอาจริง ร่วมมือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เช่น คดี “ภูเก็ต” ล่าสุดศาลฯ พิพากษาให้บุคคล-นิติบุคคล 23 ราย ต้องรับโทษปรับรายละ 200,000 บาท รอการลงโทษจำคุก 2 ปี คุมความประพฤติ 1 ปี และสั่งให้จดทะเบียนเลิกบริษัท
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในแต่ละปีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะดำเนินการตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงเป็นนอมินีตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 โดยจะมีการคัดกรองกลุ่มเป้าหมายและร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบเชิงลึกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องปรามและนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา เน้นการติดตามกรณีคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวหรือสนับสนุนการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ในธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง อาทิ ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท อสังหาริมทรัพย์ และโลจิสติกส์ โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวของไทย เช่น ภูเก็ต ชลบุรี กรุงเทพมหานคร และเชียงใหม่
“ล่าสุดจากการติดตามผลการดำเนินคดีกับนอมินีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตที่กรมฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นและส่งต่อให้ DSI ขยายผลพบว่า ศาลอาญาได้มีคำพิพากษา ตามคดีหมายเลขแดงที่ อ.2812/2567 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 ลงโทษผู้กระทำความผิดตามบทกำหนดโทษแห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 23 ราย ซึ่งมีโทษปรับรายละ 200,000 บาท รอการลงโทษจำคุก 2 ปี โดยให้คุมความประพฤติ 1 ปี และสั่งให้จดทะเบียนเลิกบริษัท” นางอรมน กล่าว
คดีดังกล่าว เริ่มต้นจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ตรวจสอบและพบความผิดปกติการถือครองหุ้นของนิติบุคคลจากการลงพื้นที่เข้าตรวจสอบและคัดกรองกลุ่มเสี่ยงนอมินีที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในจังหวัดภูเก็ต พบว่า มีกลุ่มสำนักงานกฎหมายและสำนักงานบัญชีที่มีพฤติกรรมรับจ้างจดทะเบียนนิติบุคคล หรือรับทำบัญชี โดยใช้ชื่อคนไทย (นอมินี) เข้าเป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในหลายบริษัทเป็นผลเอื้อให้บุคคลต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายในประเทศไทย จึงได้ส่งเรื่องต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ขยายผลการตรวจสอบเป็นคดีพิเศษ โดยกรมฯ สนับสนุนข้อมูลและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมลงพื้นที่เข้าตรวจค้นธุรกิจเป้าหมายร่วมกับ DSI พบว่า มีพฤติกรรมในลักษณะนอมินีจริง มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเพียงพอนำไปสู่การส่งเรื่องให้พนักงานอัยการฟ้องต่อศาล ซึ่งในที่สุดศาลอาญาได้มีคำพิพากษาหมายเลขแดงที่ อ.2812/2567 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 ลงโทษผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ถือเป็นคดีตัวอย่างที่ได้ลงโทษตามกฎหมายกับผู้ที่ให้การสนับสนุนต่างด้าวประกอบธุรกิจในไทยโดยหลีกเลี่ยงกฎหมาย
นางอรมน กล่าวว่า ขอเตือนคนไทยที่มีพฤติกรรมให้ความช่วยเหลือกับบุคคลต่างชาติที่เข้าข่ายนอมินีให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นการทำร้ายผู้ประกอบการไทยและทำลายธุรกิจของคนไทย ซึ่งจะมีความผิดต้องรับโทษตามกฎหมายคือโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับรายวัน ๆ ละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน. -511-สำนักข่าวไทย