สธ. 6 ก.ค.- รองประธานที่ปรึกษา ศบค.รับสายพันธุ์เดลตามาแรง ทำให้ประสิทธิภาพวัคซีนลดลงทุกตัว ทำให้ไม่สามารถป้องกันโรคได้ 100%ไม่ใช่วัคซีนไม่ดีแต่เพราะสายพันธุ์ที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ภูมิคุ้มกันร่างกายหลังรับวัคซีนก็อยู่ได้ 3-6 เดือน และ m-RNA กระตุ้นภูมิดีกว่าเชื้อตาย แต่ก็ไม่อยากให้ดูแคลนซิโนแวคเพราะผลการฉีดครบ 2เข็ม ช่วยป้องกันลดลงป่วยตายได้ เท่ากันในวัคซีนทุกตัวอยู่ที่ร้อยละ 90 ย้ำคนรับวัคซีนเข็ม3 ต้องเป็นบุคลากรด่านหน้า แพทย์ พยาบาล จากนั้นเป็นผู้ป่วย โรคเรื้อรัง
ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร รองประธานที่ปรึกษา ศบค.กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่าในช่วง 2 เดือนนี้ มิถุนายน และกรกฎาคมทั่วโลกต่างเผชิญกับสายพันธุ์เดลตาที่พบถึงร้อยละ85-90 จากเดิมที่เป็นสายพันธุ์ อัลฟา และพบว่าสายพันธุ์เดลตา มีความเร็วในการแพร่กว่าอัลฟา ร้อยละ 40 ขณะที่เดิมอัลฟาแพร่เร็วกว่าอู่ฮั่น และสายพันธุ์อื่นร้อยละ 60-70
ภาพรวมการแพร่ของสายพันธุ์เดลตา แม้แพร่เร็วมากขึ้น แต่ความรุนแรงเท่าเดิม แต่พบว่าลักษณะของการป่วยจากการรับเชื้อสายพันธุ์เดลตา จะทำให้ออกซิเจนต่ำและเกิดปอดอักเสบเร็วขึ้น จากเดิมสายพันธุ์อัลฟาป่วย 7-10 วัน จะเกิดอาการปอดอักเสบ ต้องใช้ออกซิเจนไฮโฟลว์ ส่วนสายพันธุ์เดลตาป่วย 3-5 วันจะเกิดปอดอักเสบและต้องใช้ออกซิเจนไฮโฟลว์
ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดม กล่าวยอมรับว่า การเปลี่ยนแปลงกลายพันธุ์ของไวรัสเป็นธรรมชาติของการอยู่รอด และแน่นอนต้องส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน โดยวัคซีนเดิมพัฒนามาจากสายพันธุ์อู่ฮั่น เมื่อเกิดการกลายพันธุ์ ประสิทธิภาพที่เป็นอยู่ย่อมลดลง ไม่ใช่เพราะวัคซีนไม่ดี แต่เพราะไวรัสมีการพัฒนา วัคซีนที่ใช้อยู่นี้ เป็นเจนเนอเรชั่น1 และใช้ภาวะฉุกเฉิน คาดว่า ปลายปีนี้การพัฒนาวัคซีนจะครอบคลุมมากขึ้นทุกสายพันธุ์ เป็นวัคซีนเจนเนอเรชัน2และมีความปลอดภัย โดยการบูธเตอร์โดสเข็ม 3 ต้องทำแน่นอน
ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คาดว่า 1เดือน จะมีการศึกษาวิจัยแล้วเสร็จ ว่าการรับวัคซีนต่อเนื่องเข็ม3 ควรเป็นชนิดใด โดยกลุ่มแรกที่จะได้รับวัคซีนบูธเตอร์ต้องเป็นบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าและชายแดน รองลงมาคือผู้ป่วย โรคเรื้อรัง ต้องได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มถัดไป
ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดม กล่าวว่า จากการศึกษาภูมิคุ้มกันหลังรับวัคซีน 2 เข็ม ของมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด พบว่าระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายจะอยู่ประมาณ 3- 6 เดือน จากนั้นจะค่อยๆ ลดลง แต่ยังมีประสิทธิภาพป้องกันป่วยและการเสียชีวิต โดยการฉีดไฟเซอร์2เข็ม เมื่อเจอกับสายพันธุ์เดลตา ภูมิคุ้มกันจะลดลง 2.5เท่า เช่นเดียวกับแอสตราฯ 2 เข็ม ภูมิคุ้มกันลด 4.3 เท่า ซิโนแวคเจอเดลตา ภูมิคุ้มกันจะลด 4.9 เท่า
ทั้งนี้ ยอมรับวัคซีนชนิด m-RNA ให้ระดับภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดและวัคซีนชนิดเชื้อตาย กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้น้อย โดยวัคซีน m-RNA ให้ระดับภูมิคุ้มกัน 1,000 -10,000 ยูนิต วัคซีนแอสตรา (ไวรัลเวกเตอร์ )ให้ระดับ ภูมิคุ้มกัน 1,000 ยูนิต และ ซิโนแวค ระดับภูมิคุ้มกัน 100 ยูนิต
“ต้องยอมรับว่าวัคซีนทุกชนิดในปัจจุบัน ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100 % แต่สามารถป้องกันการเจ็บป่วย รุนแรง หรือ ลดวันนอนรักษาตัวในรพ.ได้ ใน วัคซีนทั้ง3 ชนิด ทั้งm-RNA,ไวรัลเวกเตอร์ และชนิดเชื้อตาย(ไฟเซอร์,โมเดอร์นา,แอสตรา,ซิโนแวค) ร้อยละ 90 จึงไม่อยากให้ประชาชนดูแคลน รังเกียจวัคซีนซิโนแวค เพราะสิ่งที่ต้องเร่งทำในขณะนี้คือการเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ 2 เข็ม เพราะแน่ชัดแล้วว่า ลดอัตราการป่วยตายได้ ดังนั้น ต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ 2 เข็มร้อยละ 70 และ หากอัตราการป่วยไม่เกิน 500-1000 คนต่อวัน สามารถรับมือได้” ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดม กล่าว .- สำนักข่าวไทย