ทำเนียบฯ 2 ก.ค.- ศบค.เผยผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่ง 6,087 ราย ตาย 61 ราย กทม.ยังพบป่วยสูงสุด 2,267 ราย ตาย 28 ราย เจอคลัสเตอร์ใหม่ 2 แห่ง ในเขตคลองเตยและหนองแขม เป็นแคมป์ก่อสร้าง โรงงานผลิตกระสอบ พบผู้ติดเชื้อรวม 113 ราย ต่างจังหวัดเจออีก 7 แห่ง 5 จังหวัด ทั้งตลาด โรงงานลูกชิ้น ศูนย์พัฒนาเด็ก ขณะที่นายกฯ สั่ง กทม. ตั้งศูนย์กักกันคนติดโควิดในชุมชน แก้ปัญหาเตียงใน กทม.วิกฤติ
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 6,087 ราย โดยเป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,076 ราย แยกเป็นจากระบบเฝ้าระวังและบริการสุขภาพ 3,905 ราย จากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 1,964 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 207 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศอีก 11 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 270,921 ราย วันนี้มีผู้เสียชีวิตอีก 61 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตขยับไปที่ 2,141 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 3,638 ราย รวมยอดรักษาหาย 214,340 ราย ยังรักษาอยู่ 54,440 ราย เป็นการรักษาอยู่ใน รพ. 26,025 ราย รพ.สนาม 28,415 ราย ทั้งนี้ มีผู้ป่วยอาการหนัก 2,002 ราย ในจำนวนผู้ป่วยหนักนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจถึง 579 ราย เฉพาะการระบาดในระลอกเดือนเมษายน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-2 ก.ค.64 พบผู้ป่วยรายใหม่ 6,087 ราย โดยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 242,058 ราย รักษาหายเพิ่ม 3,638 ราย รวมรักษาหายแล้ว 186,914 ราย ยังรักษาอยู่ 54,440 ราย เสียชีวิต 61 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 2,047 ราย
สำหรับรายละเอียดผู้เสียชีวิต 61 ราย เป็นเพศชาย 29 ราย เพศหญิง 32 ราย อายุ 30-90 ปี โดยเป็นผู้มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป คิดเป็น 70% อยู่ในพื้นที่ กทม.มากที่สุด 28 ราย นนทบุรี 9 ราย สมุทรปราการ 8 ราย ปัตตานี 5 ราย ยะลา ปทุมธานี นราธิวาส จังหวัดละ 3 ราย เชียงราย สงขลา นครปฐม นครนายก พระนครศรีอยุธยา จังหวัดละ 1 ราย โดยมีโรคประจำตัว เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคหัวใจ โรคปอด อ้วน มะเร็ง หลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นโรคประจำตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น โดยในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อจากคนในครอบครัวและคนอื่นๆ มากเช่นเดิม อาศัยและเดินทางเข้าไปในสถานที่ระบาด ไปในสถานที่แออัดพลุกพล่าน อาชีพเสี่ยง
ส่วน 10 อันดับจังหวัดที่พบผู้ป่วยภายในประเทศสูงสุด อันดับ 1 ยังเป็นกรุงเทพมหานคร 2,267 ราย อันดับ 2 สมุทรปราการ 522 ราย อันดับ 3 นนทบุรี 327 ราย อันดับ 4 สมุทรสาคร 289 ราย อันดับ 5 ปทุมธานี 284 ราย อันดับ 6 ชลบุรี 222 ราย อันดับ 7 ยะลา 201 ราย อันดับ 8 ปัตตานี 169 ราย อันดับ 9 สงขลา 167 ราย อันดับ 10 นราธิวาส 124 ราย
ส่วนผู้เสียชีวิตอยู่ใน กทม. 28 ราย นนทบุรี 9 ราย สมุทรปราการ 8 ราย ปัตตานี 5 ราย ปทุมธานี นราธิวาส จังหวัดละ 3 ราย และเชียงราย สงขลา นครปฐม นครนายก พระนครศรีอยุธยา จังหวัดละ 1 ราย ค่ากลางของอายุอยู่ที่ 67 ปี โดยผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนสูงถึง 70% และปัจจัยเสี่ยงยังมาจากโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต หัวใจ โรคอ้วน ส่วนปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อส่วนใหญ่ยังมาจากคนในครอบครัว
พญ.อภิสมัย ยังกล่าวถึงคลัสเตอร์ใหม่ในกรุงเทพฯ ว่า วันนี้ (2 ก.ค.) พบที่เขตคลองเตย เป็นแคมป์ก่อสร้าง ซอยสุขุมวิท 50 พบผู้ติดเชื้อจำนวน 43 ราย และที่เขตหนองแขม เป็นโรงงานผลิตกระสอบพลาสติก พบผู้ติดเชื้อแล้ว 70 ราย จากการตรวจคัดกรองพนักงาน จำนวน 1,300 ราย หรือคิดเป็น 5.38%
“ตรงนี้สะท้อนให้เห็นภาพว่า นอกจากการบริหารจัดการเตียง กทม.ยังคงเน้นย้ำในเรื่องของการค้นหาเชื้อ คัดกรองเชิงรุกในชุมชนอย่างต่อเนื่องด้วย จากตัวเลขของ กทม.ที่วันนี้มีการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อ จำนวน 2,267 ราย ในที่ประชุมของ ศบค.ชุดเล็ก รวมทั้ง EOC ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญ อาจารย์แพทย์ หลายๆ สาขามีความเป็นห่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อมีจำนวนมาก เทียบกับผู้ป่วยกลับบ้าน คือ เตียงที่ได้คืนมาจากคนกลับบ้านนั้น มีสัดส่วนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน” พญ.อภิสมัย กล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ผอ.ศบค. มีความเป็นห่วงกรณีที่ผู้ป่วยต้องรอเตียงที่บ้าน และอาจทำให้เกิดภาวะที่รุนแรงและทรุดลง จึงได้มีการสั่งการให้ทุกพื้นที่ ในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้มีการหารือเรื่องการจัดการผู้ป่วยเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อเพิ่มศักยภาพการจัดการเตียงที่มีจำกัดในทุกเขตของกรุงเทพมหานคร และในสัปดาห์นี้จะมี 2 มาตรการสำคัญ ซึ่งที่ประชุมพูดถึง คือ การแยกกักกันในชุมชน หรือ community isolation คือ จะมีการเตรียมสถานที่แยกกักตัวในชุมชน ระหว่างที่ทราบผลว่าเป็นผู้ติดเชื้อแล้ว และอยู่ระหว่างรอการจัดสรรเตียง โดย กทม.จะเร่งรัดจัดการให้เร็วที่สุด ให้มี community isolation ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ (2 ก.ค.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. จะมีการประชุมหารือ โดยกรมการแพทย์จะนำเสนอแนวทางการปฏิบัติ และมาตรการในการดูแลผู้ป่วย มาตรการดูแลตนเองในชุมชนอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่ให้มีการแพร่ระบาดไปสู่คนอื่นหรือคนใกล้ชิด
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุม EOC ของกระทรวงสาธารณสุข โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้พูดถึงศักยภาพในการเพิ่มเตียง โดยจะมีการเพิ่มทั้งสีเขียว เหลือง แดง ซึ่งในส่วนของ รพ.บุษราคัม ก็จะสามารถเปิดดำเนินการได้ทันที ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ปฐมนิเทศแพทย์จบใหม่สาขาต่างๆ 144 คน ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมกำลังดูแลสถานการณ์ใน กทม.
ส่วนคลัสเตอร์ใหม่ในต่างจังหวัด พญ.อภิสมัย กล่าวว่า พบเพิ่มขึ้นทั้งหมด 7 แห่ง ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรปราการ เป็นโรงงานเฟอร์นิเจอร์ พบเมื่อ 1 ก.ค. มีผู้ติดเชื้อ 22 ราย, นนทบุรี ตลาดเทศบาล พบเมื่อ 1 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อ 43 ราย และ อ.ปากเกร็ด ตลาดพิชัย พบเมื่อ 1 ก.ค. มีผู้ติดเชื้อ 75 ราย, สมุทรสาคร อ.เมืองสมุทรสาคร 1. บริษัทผลิตภัณฑ์พลาสติก มีผู้ติดเชื้อ 12 ราย อ.กระทุ่มแบน โรงงานลูกชิ้น พบเมื่อ 1 ก.ค. มีผู้ติดเชื้อ 11 ราย, สุราษฎร์ธานี อ.พุนพิน แคมป์ก่อสร้าง พบเมื่อ 1 ก.ค. มีผู้ติดเชื้อ 11 ราย และขอนแก่น อ.สีชมพู ศูนย์พัฒนาเด็ก พบเมื่อ 1 ก.ค. มีผู้ติดเชื้อ 45 ราย
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ส่วนผู้รับวัคซีน ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 1 กรกฎาคม 2564 มีผู้รับวัคซีนสะสมทั้งหมด จำนวน 10,227,183 โดส ทั้งนี้ ยังไม่รวมกับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม จึงต้องขอความร่วมมือศูนย์ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ให้ลงข้อมูลใน MOPH IC เพื่อรวมในยอดรวมประเทศ
ส่วนจังหวัดที่ได้รับวัคซีนจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัด คือ ภูเก็ต ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 384,674 ราย คิดเป็น 70.25% และได้รับครบ 2 เข็มแล้ว 307,163 ราย คิดเป็น 56.09% รองลงมา คือ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ฉีดไปแล้ว 125,229 ราย คิดเป็น 59.32% แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 74,285 โดส และครบ 2 เข็มแล้ว 52,789 โดส
“ตัวเลขของเกาะสมุยขยับขึ้นเร็ว เพื่อรองรับนโยบายสมุยโมเดล ที่เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” พญ.อภิสมัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย