ชัวร์ก่อนแชร์:ช่วง1เดือนครึ่ง หลังฉีดวัคซีนโควิด ภูมิคุ้มกันลดต่ำลงมาก จริงหรือ?

21 มิถุนายน 2564 ตรวจสอบข้อเท็จจริง/เรียบเรียง โดย : ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์


ตามที่มีการแชร์ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ภายหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในช่วง 1 เดือนครึ่ง ระบบภูมิคุ้มกันจะลดต่ำลงมาก หากออกนอกบ้านในช่วงหนึ่งเดือนครึ่งนี้จึงมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ แต่เมื่อพ้นรอบ 1 เดือนครึ่งแล้ว ภูมิคุ้มกันร่างกายจะเพิ่มสูงขึ้น 100 ถึง 200 เท่า เรื่องนี้จะเป็นอย่างไร มาร่วมหาคำตอบไปพร้อมกันกับ “ชัวร์ก่อนแชร์”

บทสรุป ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ


  • ภายหลังการฉีดวัคซีน 1 เดือนครึ่งไม่ได้ทำให้ภูมิคุ้มกันลดต่ำลง และยิ่งฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกันก็จะยิ่งดีขึ้น โดยภูมิคุ้มกันสามารถสูงขึ้นเป็น 10 เท่า 100 เท่า หรือ 1,000 เท่าได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล 
  • แม้ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ก็ยังมีโอกาสติดเชื้อได้ ดังนั้น จึงยังต้องป้องกันตนเองอยู่

ข้อมูลที่ถูกแชร์

“ถึง ทุกท่านที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้ว!  👋🏽 เรื่องที่ควรทราบและระวังว่าเหตุใดคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วก็ยังอาจจะติดโควิดได้ ▪️ปกติวัคซีนเข็มที่สองจะฉีดหลังวัคซีนเข็มแรกประมาณ 21-28 วัน ▪️วัคซีนจะเริ่มกระตุ้นแอนติบอดีในตัวเราทันทีที่ฉีดเข้าสู่ร่างกาย ▪️ระหว่างที่แอนติบอดีเริ่มได้รับการกระตุ้นในร่าง กายเรา  ระบบภูมิ คุ้มกันเดิมตามปกติในตัวเราจะลดตำ่ลง(มาก)
▪️และหลังฉีดวัคซีนเข็มที่สองแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันในตัวเราจะยิ่งลดตำ่ลง(ยิ่งขึ้น)
▪️ เมื่อครบ 14 วันหลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แอนติบอดีในตัวเราจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนระบบภูมิคุ้มกันโควิดของเราเต็มสมบูรณ์…”

รวมถึงข้อมูลที่ถูกแชร์ในลักษณะที่คล้ายเคียงกัน “จำไว้นะคะ……..แม้ฉีดวัคซีนเข็ม2 แล้ว ต้องรอ1.5เดือน (45 วัน)จึงปลอดภัย ร่างกายจึงจะสร้างภูมิ เพิ่มขึ้น 100-200 เท่า(ช่วง45 วัน ร่างกายเราจะอ่อนแอกว่าเดิม อย่าลืมใส่แมสนะคะ และออกนอกบ้านเท่าที่จำเป็น เท่านั้นค่ะ) จาก Evelyn โพสต์จาก ศูนย์การแพทย์มาคาติ…. ▪️วัคซีนจะเริ่มสร้างแอนติบอดีทันทีหลังจากเข้าสู่ร่างกาย ▪️เมื่อแอนติบอดีก่อตัวในร่างกายของเรา ภูมิคุ้มกันของเราจะลดลงอย่างมาก ▪️เมื่อเรารับวัคซีนเข็มที่ 2 หลังจากวันที่ 21/28 ภูมิต้านทานของเราจะลดน้อยลงไปอีก….. ▪️หลังจากผ่านไป 1 เดือนครึ่ง ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะเพิ่มขึ้น 100 ถึง 200 เท่า หลังจากนั้นคุณจะปลอดภัย….” ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวถูกส่งเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์เป็นจำนวนมาก


Fact Check : ตรวจสอบข้อมูล

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ อสมท ตรวจสอบข้อมูลกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน นายแพทย์พรศักดิ์ อยู่เจริญ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรมป้องกัน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้คำตอบดังนี้

Q: ปกติวัคซีนเข็มที่สองจะฉีดหลังวัคซีนเข็มแรกประมาณ 21-28 วัน ใช่หรือไม่ เพราะเหตุใด

A: ต้องแยกเป็นวัคซีนแต่ละตัว เช่น  ซิโนแวค หรือ แอสตร้าเซนเนก้า โดยปกติยาหรือวัคซีนเราจะต้องปฏิบัติตามใบกำกับยา หรือข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างวัคซีนซิโนแวค ใบกำกับยาระบุว่าต้องกระตุ้นภายใน 2-4 สัปดาห์ ส่วน แอสตร้าเซนเนก้า จะเป็นสัปดาห์ที่ 3-4 โดยทั่วไปตามใบกำกับยาจะเป็นเช่นนี้ แต่ในชีวิตจริงหรือในเชิงปฏิบัติ      ซิโนแวค จะยังไม่เปลี่ยนแปลง จะต้องกระตุ้นการฉีดอีกครั้งภายใน 2-4 สัปดาห์ แต่สำหรับ แอสตร้าเซนเนก้า จะไม่เหมือนในใบกำกับยา ซึ่งตอนนี้จะฉีดเข็มที่สองใน 12 สัปดาห์ และบางครั้งขยายถึง 16 สัปดาห์ ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่า ยิ่งฉีดในช่วงระยะเวลา 10 สัปดาห์ขึ้นไป ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจะขึ้นได้ดี โดยแอสตร้าเซนเนก้า เป็นวัคซีนในลักษณะของกลุ่มเชื้อเป็น เพราะฉะนั้นเวลาเราจะกระตุ้นจริงๆ ก็จะกระตุ้นภายใน 3 ถึง 6 เดือน แต่ในใบกำกับยาตอนแรกกระตุ้นเร็วเกินไปทำให้ภูมิคุ้มกันขึ้นไม่ดี

Q: วัคซีนจะเริ่มกระตุ้นแอนติบอดีในตัวเราทันทีที่ฉีดเข้าสู่ร่างกายจริงหรือไม่

A: จะบอกว่าจริงก็ใช่ เพราะเวลาฉีดวัคซีนเข้าไป ถ้าร่างกายเราตรวจพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย ระบบการป้องกันตามธรรมชาติของมนุษย์ก็จะสร้างแอนติบอดี แต่ในช่วงแรกจะสร้างได้ช้า จนเมื่อมีความคุ้นเคยก็จะสร้างได้เร็วขึ้นตามระยะเวลา เหมือนเราเรียนหนังสือในระยะแรกๆก็จะค่อยๆเรียนรู้ ก.ไก่ ข.ไข่ เมื่อเรียนรู้ไปนานๆ แล้ว ก็จะอ่านหนังสือได้ไวขึ้น เรียนรู้การใช้คำได้ และรวมประโยคได้ เซลล์มนุษย์ก็เช่นเดียวกัน เปรียบเทียบได้กับการเรียนหนังสือ

Q: การกระตุ้นแอนติบอดีของ แอสตร้าเซนเนก้า และ ซิโนแวค มีความแตกต่างกันอย่างไร

A: ตามหลักการการกระตุ้น วัคซีนเมื่อฉีดเข็มที่สองช้า ภูมิคุ้มกันจะขึ้นดีกว่าการฉีดเร็ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับช่วงจังหวะที่เหมาะสม ถ้าฉีดช้าเกินไป ภูมิคุ้มกันก็จะลดลงจนป้องกันโรคไม่ได้ก็จะเสียโอกาส เพราะฉะนั้นเราจะฉีดตอนที่ภูมิคุ้มกันเริ่มจะทยอยลดลง แต่ยังป้องกันโรคได้อยู่ ซึ่งเราก็จะกระตุ้นตอนนั้น อย่างเชื้อตายก็จะต้องกระตุ้นเร็ว

อย่างซิโนแวคต้องฉีด 2 เข็ม ภูมิคุ้มกันถึงจะขึ้น ต้องฉีดห่างกันเท่าไหร่ก็ยังใช้หลักการเดิม คือฉีดช้านิดนึง ภูมิคุ้มกันก็จะขึ้นดี แต่ถ้าฉีดช้าไปก็จะเสียโอกาส เพราะฉะนั้นในใบกำกับยาจึงแนะนำให้ฉีดเข็มในช่วงระหว่าง 2-4 สัปดาห์

ส่วนจะฉีดเข็มที่สองภายใน 2 สัปดาห์ ในกรณีที่พื้นที่นั้นมีความเสี่ยงสูงมาก เช่น มีการระบาดอยู่ อย่างในพื้นที่บางแคในช่วงที่ผ่านมา  แต่ประเด็นคือเมื่อฉีดเร็วภูมิคุ้มกันก็จะยังขึ้นไม่ค่อยดี ยังขึ้นไม่สูง และป้องกันได้ไม่นาน เพราะฉะนั้นกลุ่มคนเหล่านี้ควรจะต้องได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 ในอีก 6 เดือนข้างหน้า แต่ถ้าได้ฉีดเข็มที่ 2 ภายใน 4 สัปดาห์ ภูมิคุ้มกันก็จะขึ้นดีกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ควรได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันอีกครั้งในอีก 6 เดือนข้างหน้า

สำหรับ แอสตร้าเซนเนก้า ภูมิคุ้มกันจะขึ้นได้ดีตั้งแต่ได้รับการฉีดเข็มแรก แต่ภูมิจะขึ้นเมื่อไหร่ส่วนใหญ่ จะขึ้นหลังจากที่ติดเชื้อหรือได้รับสิ่งแปลกปลอมเข้าไปแล้วประมาณ 3-4 สัปดาห์ ซึ่งแพทย์ส่วนใหญ่จะวัดภูมิคุ้มกันในช่วงประมาณ 4 สัปดาห์ สำหรับ แอสตร้าเซนเนก้า เมื่อภูมิคุ้มกันขึ้นแล้ว ก็จะลงไวในช่วงเดือนที่ 3 ฉะนั้นเราจึงต้องกระตุ้นอีกครั้งช่วง 12-16 สัปดาห์ เพราะภูมิเริ่มจะตก เริ่มจะป้องกันไม่ค่อยได้

Q: ระหว่างที่แอนติบอดีเริ่มได้รับการกระตุ้นในร่างกายเรา ระบบภูมิคุ้มกันเดิมตามปกติในตัวเราจะลดต่ำลง (มาก) จริงหรือไม่ เพราะเหตุใด

A: ไม่จริง เปรียบได้กับการเรียนหนังสือ ไม่มีใครเรียนหนังสือ แล้วฉลาดน้อยลง อย่างการที่เราเรียนภาษาไทย แล้วไปเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาไทยก็ยังอยู่กับตัวเรา ไม่ได้ทำให้ความฉลาดของเราลดลง เพราะฉะนั้นเป็นคนละเรื่องกัน เพียงแต่ว่าไปกวนกันได้หรือไม่ ถ้าเพิ่งเรียนรู้ทั้ง 2 ภาษาพร้อมกัน ก็อาจจะกวนกันได้ อาจจะงงๆ ในช่วงแรก อย่างเช่นการกำหนดระยะห่างของการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ กับ การฉีดวัคซีนโควิด-19 ต้องห่างกันกี่สัปดาห์ ซึ่งจะต้องใช้ระยะห่างกันนิดนึง การเรียนรู้ก็จะเกิดได้ดีขึ้น

Q: และหลังฉีดวัคซีนเข็มที่สองแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันในตัวเราจะยิ่งลดต่ำลง (ยิ่งขึ้น) จริงหรือไม่ เพราะเหตุใด

A: ไม่จริง อย่างที่ยกตัวอย่าง ไปไม่มีใครเรียนหนังสือแล้ว จะฉลาดน้อยลง ยิ่งเรียนหนังสือ ก็จะยิ่งฉลาดขึ้น ยิ่งเก่งขึ้น อ่านหนังสือมากๆ ก็จะยิ่งอ่านได้ไวขึ้น รวดเร็วขึ้น หรือการเขียนก็จะเขียนได้เร็วขึ้น ถ้าเราได้รับการฝึกทุกวัน เช่นเดียวกับการฉีดวัคซีน การฉีดเข็ม 2 เข็ม 3 ก็เหมือนการฝึกปรือ เป็นการกระตุ้นทำให้เราเก่งขึ้น ไวขึ้น คล่องขึ้น

Q: เมื่อครบ 14 วันหลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แอนติบอดีในตัวเราจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนระบบภูมิคุ้มกันโควิดของเราเต็มสมบูรณ์จริงหรือไม่ เพราะเหตุใด

A: กรณีซิโนแวคถ้าฉีดเข็มแรก อาจจะยังงง ๆ อยู่ เหมือนเริ่มเรียน ก.ไก่ ข.ไข่ แต่ถ้าฉีดเข็มที่ 2 ก็เริ่มเรียนเป็นคำ เป็นประโยค ซึ่งซิโนแวคจะใช้การเรียนรู้นานกว่า แอสตราเซเนก้า  เพราะฉะนั้นในช่วงสองสัปดาห์ภูมิคุ้มกันก็จะค่อยๆ ขึ้น แต่ความจริงก็จะขึ้นแบบ Exponential ขึ้นแบบพุ่งกระฉูดอยู่ ไม่ได้ขึ้นแบบ Linear ยิ่งเวลาผ่านไปภูมิคุ้มกันก็จะยิ่งขึ้นเป็นเท่าทวีคูณและสูงสุดจะอยู่ที่ 2-4 สัปดาห์  บางคนตอบสนองไว 2 สัปดาห์ก็ขึ้นเต็ม บางคนอาจจะ 4 สัปดาห์ภูมิถึงขึ้น หรือบางคนอาจจะลามไปถึง 6-8 สัปดาห์ก็มี แต่เป็นส่วนน้อย

Q: ดังนั้นช่วง 1 เดือนครึ่ง((21-28)+14 วัน) ที่ระบบภูมิคุ้มกันปกติของเราจะลดต่ำลงมากดังที่กล่าวข้างต้น จึงมี โอกาสและความเสี่ยงสูงที่ไวรัสจะโจมตีเราได้ง่าย ถึงแม้จะฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มทันทีแล้วก็ตามจริงหรือไม่ เพราะเหตุใด

A: ไม่จริง ภูมิคุ้มกันไม่มีทางต่ำลง ยิ่งฉีดวัคซีน ภูมิคุ้มกันก็จะยิ่งดีขึ้น  เหมือนที่บอกไป เวลาเรียนหนังสือแล้ว ไม่มีใครฉลาดน้อยลง แต่โดยธรรมชาติความจำสามารถเลอะเลือนได้ ในระยะเวลายาวนานแล้วเราไม่ได้ฝึกปรือ เช่น เรียนภาษาอังกฤษมาแล้ว ไม่ได้ใช้งานเลย  1 ปีเราก็จะลืมเลือน ภูมิคุ้มกันมันก็จะลดลงตามระยะเวลา ตามธรรมชาติ  

Q: คนที่ฉีดวัคซีนแล้ว หากออกนอกบ้านในช่วงหนึ่งเดือนครึ่งนี้จึงเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเพราะระบบภูมิคุ้มกันปกติของเราลดต่ำลงมาก จริงหรือไม่เพราะเหตุใด

A: อยากให้แยกเป็น 2 ข้อความ ต้องบอกว่าทุกคนถึงแม้จะฉีดวัคซีนแล้ว ก็สามารถติดเชื้อได้ ซึ่งการติดเชื้อได้หมายความว่าเราสามารถไปสัมผัสกับเชื้อ หากภายนอกยังมีการระบาดอยู่ ตราบใดที่ฉีดวัคซีนแล้วหรือยังไม่ได้ฉีดก็ติดเชื้อได้ทุกคน ประเด็นถัดมาถ้าคนที่ฉีดวัคซีนไปฉีดวัคซีน มีภูมิคุ้มกันโรคแล้วเกิดการติดเชื้อ ถ้าคุณฉีดวัคซีนแล้วก็สามารถป้องกันโรคได้ ถ้าภูมิเราสูง เวลาเรารับเชื้อ เราจะกำจัดเชื้อนั้นไปได้ แต่ถ้าเชื้อมีปริมาณมาก ก็ไม่สามารถกำจัดเชื้อได้หมด อาจจะเกิดอาการป่วยได้ แต่จะเป็นอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ ไม่รุนแรง

Q: อนึ่ง แม้คุณจะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว คุณก็ยังคงอาจติดเชื้อไวรัสโคโรนาได้อีกจริงหรือไม่ เพราะเหตุใด

A: สามารถติดได้อยู่แล้ว การติดเชื้อหมายถึงว่าร่างกายรับเชื้อเข้ามา แต่ถัดไปคือร่างกายจะสู้ได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนครบแล้ว แต่หากในประเทศยังมีการระบาดของเชื้ออยู่ ก็อยากให้ทุกคนปฏิบัติตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขคือการสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง การล้างมือ ตรวจเช็คร่างกายว่ามีไข้หรือไม่ ไม่ควรเข้าไปในสถานที่ชุมชน หรือที่ที่มีคนแออัด

Q: เมื่อผ่านระยะเวลาเสี่ยงสูงของรอบหนึ่งเดือนครึ่งไปแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะเพิ่มสูงขึ้น 100 ถึง 200 เท่าทีเดียว นั่นจึงพอจะนับได้ว่าคุณปลอดภัยเพิ่มขึ้น จริงหรือไม่ เพราะเหตุใด

A: ภูมิคุ้มกันสามารถสูงขึ้นเป็น 10 เท่า 100 เท่า หรือ 1,000 เท่าได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนอาจจะแค่ 60 เท่า บางคนก็ขึ้นเป็น 1,000 เท่า แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันได้ดีแค่ไหน เปรียบเสมือนกับเด็กเรียนเก่ง กับเด็กที่เรียนไม่ค่อยเก่ง แต่ก็ยังอ่านออกเขียนได้ ก็คือยังมีความสามารถในการป้องกันโรคได้

Q: เราจึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง และดูแลความปลอดภัยส่วนตัวในช่วงหนึ่งเดือนครึ่งนับจากการฉีดวัค ซีนครั้งแรกให้เคร่งครัด  นั่นคือเราทุกคนยังต้อง ไม่ลืมสวมหน้ากากอนามัย และมาตรการจำเป็นอื่น ๆ ออกจากบ้านเฉพาะกรณีจำเป็นเท่านั้น เป็นคำแนะนำที่ถูกต้องหรือไม่

A: เป็นคำแนะนำที่ถูกต้อง ในมุมมองส่วนตัวเรายังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย และดำเนินการตามมาตรการต่างๆ จนกว่าประเทศไทยจะฉีดวัคซีนได้เกินกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ 70 เปอร์เซ็นต์  เพราะประสิทธิภาพของวัคซีนมันไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งภูมิคุ้มกันหมู่หมายถึงว่าคนๆ นั้น มีภูมิคุ้มกันด้วยจริงๆ ถ้าฉีด 100 คน คนที่มีภูมิอยู่ 80-90 คน ก็ต้องฉีดคนมากกว่า 80-90 คน  ถึงจะได้ค่าเฉลี่ยเป็น 50-70 เปอร์เซ็นต์ ความครอบคลุมจะต้องไม่ต่ำกว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ แต่ผมเน้น 80 เปอร์เซ็นต์ มากกว่า

ข้อมูลอ้างอิง

การสัมภาษณ์ นายแพทย์พรศักดิ์ อยู่เจริญ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรมป้องกัน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์การเมืองสนามใหญ่ หลังศึกเลือกตั้งนายก อบจ.

วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 4 สนามใหญ่ โดยเฉพาะอุดรธานี ที่สะท้อนถึงความนิยมในตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

“บิ๊กเต่า” ลั่นเตรียมมอบกุญแจมือเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนดัง ส่งนอนห้องขัง

“บิ๊กเต่า” ลั่นเตรียมมอบ “กุญแจมือ” เป็นของขวัญปีใหม่ให้อินฟลูฯ นักร้อง คนดัง ส่งนอนห้องขังวีไอพี เผยปม “ฟิล์ม รัฐภูมิ” คาดมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง