นิวเดลี 20 มิ.ย.- องค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เรียกร้องให้ประเทศในภูมิภาคนี้เพิ่มการใช้มาตรการสาธารณสุขและรักษาระยะห่างทางสังคมต่อไป ควบคู่ไปกับการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพื่อป้องกันการระบาดระลอกใหม่ เนื่องจากหลายประเทศแจ้งว่า พบเชื้อไวรัสปรับปรุงสายพันธุ์
เว็บไซต์ดิอินเดียนเอ็กซ์เพรสส์รายงานอ้างแถลงการณ์ของ ดร.ปูนาม เกตระปาล ซิงห์ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า จำเป็นต้องเดินหน้าเพิ่มความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่องเรื่องการตรวจหาเชื้อ การติดตามผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ และการแยกกักโรค เช่นเดียวกันการใช้มาตรการทางสังคม เช่น การรักษาระยะห่างทางสังคม การหมั่นล้างมือ และการสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง มาตรการเหล่านี้จะต้องปฏิบัติอย่างเต็มที่ และปฏิบัตินานขึ้นในพื้นที่ที่มีรายงานพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์น่ากังวลที่แพร่ได้ง่ายขึ้น เป็นมาตรการระดับบุคคลและสังคมที่มีความคุ้มค่าในการลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และช่วยชีวิตคน
ดร.ซิงห์อธิบายเพิ่มเติมเรื่องการรักษาระยะห่างสังคมว่า ครอบคลุมตั้งแต่เรื่องการจำกัดจำนวนคนรวมกลุ่ม การรักษาระยะห่างในที่ทำงานและสถานที่สาธารณะ การจำกัดการเดินทางทั้งในและต่างประเทศด้วย เพราะถึงแม้ประเทศต่าง ๆ เร่งฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังต้องใช้มาตรการทางสาธารณสุขและมาตรการทางสังคมให้เหมาะสมตามความรุนแรงของการระบาดและศักยภาพของระบบสาธารณสุขในพื้นที่นั้น ๆ
ดิอินเดียนเอ็กซ์เพรสส์รายงานว่า เมื่อต้นสัปดาห์นี้มัลดีฟส์และเมียนมาแจ้งว่า พบการแพร่เชื้อไวรัสสายพันธุ์น่ากังวล ส่วนก่อนหน้านี้มีการยืนยันว่า พบไวรัสสายพันธุ์น่ากังวลในบังกลาเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย เนปาล ศรีลังกา ไทย และติมอร์-เลสเต ไวรัสสายพันธุ์น่ากังวลที่มาพร้อมกับการเปิดเศรษฐกิจและสังคมทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น.-สำนักข่าวไทย