นิวยอร์ก 17 พ.ค.- องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือยูนิเซฟชี้ว่า ประเทศร่ำรวยสามารถบริจาควัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มากกว่า 150 ล้านโดสให้แก่ประเทศที่มีความจำเป็นได้โดยไม่กระทบต่อเป้าหมายการฉีดวัคซีนของตัวเอง
ยูนิเซฟอ้างผลการศึกษาของแอร์ฟินิตี บริษัทบริการข้อมูลวิทยาศาสตร์ในอังกฤษว่า กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศหรือจี 7 (G7) ซึ่งร่ำรวยที่สุดในโลกและสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) ช่วยลดช่องว่างวัคซีนโลกโดยไม่กระทบต่อพันธกรณีในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนของตัวเอง ด้วยการบริจาควัคซีนเพียง 1 ใน 5 ของที่จะได้รับในเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมให้แก่โครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลกที่จะจัดสรรให้แก่ประเทศยากจนต่อไป ยูนิเซฟระบุว่า ช่วงที่อังกฤษจะเป็นเจ้าภาพประชุมจี 7 ในเดือนมิถุนายน โครงการโคแวกซ์จะยังขาดวัคซีนอยู่ 190 ล้านโดสของที่ตั้งเป้าจะแจกจ่าย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่สถานการณ์การระบาดในอินเดียเลวร้ายลง กระทบต่อการผลิตและส่งออกวัคซีนส่วนใหญ่ในโครงการ และต้องนำมาใช้ในอินเดียก่อน ดังนั้นขอให้ประเทศร่ำรวยบริจาควัคซีนให้แก่โคแวกซ์โดยทันทีจนกว่าการผลิตวัคซีนจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง
จนถึงขณะนี้ทั่วโลกฉีดวัคซีนโควิดไปแล้ว 1,400 ล้านโดส วัคซีนร้อยละ 44 ฉีดในประเทศร่ำรวยที่มีประชากรเพียงร้อยละ 16 ของโลก ขณะที่ 29 ประเทศยากจนที่สุดของโลกที่มีประชากรร้อยละ 9 ของโลก ฉีดไปเพียงร้อยละ 0.3 ของที่ฉีดไปแล้วทั่วโลก ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกขอร้องเมื่อวันศุกร์ที่แล้วให้ประเทศร่ำรวยระงับการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กและวัยรุ่น แล้วนำไปบริจาคให้โคแวกซ์แทน.-สำนักข่าวไทย