ทำเนียบ 22 เม.ย.- ศบค.เห็นชอบเด็กฉีดวัคซีนครึ่งโดสได้ หลังผลศึกษาระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ขอผู้ปกครองสบายใจ พร้อมบริจาคแอสตราเซเนกาให้ 3 ประเทศ
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน แถลงสถานการณ์โควิด-19ประจำวัน ว่าที่ประชุม ศบค.เห็นชอบแผนให้บริการวัคซีนเดือนพฤษภาคม 2565 โดยจะเห็นว่า ผู้สูงอายุ 84.1% ประมาณ 10 ล้านโดสได้วัคซีนเข็มที่หนึ่ง ส่วนเข็มที่สอง 79.7% และวัคซีนเข็มที่สาม 39.8% โดยเป้าหมายที่วางไว้ในปี 2565 คือ ฉีดวัคซีนเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป เพื่อให้ครอบคลุมการฉีดวัคซีนและให้สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ นอกจากนี้พบว่าการฉีดวัคซีนขนาด 15 ไมโครกรัมหรือขนาด 30 ไมโครกรัมเข้ากล้ามเนื้อ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันชนิดลบล้างฤทธิ์ต่อเชื้อโอมิครอนอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ทั้งการฉีดกระตุ้น ขนาดเต็มโดสและครึ่งโดส จึงขอให้ผู้ปกครองสบายใจได้ว่าสามารถขอฉีดครึ่งโดสได้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ยังเห็นชอบแผนบริจาควัคซีนให้ต่างประเทศ โดยจะบริจาควัคซีนแอสตราเซเนกาให้กับประเทศเอธิโอเปีย จำนวน 1 ล้านโดส ประเทศอัฟกานิสถาน 5 แสนโดส และประเทศยูกันดา 5 แสนโดส รวมถึงประเทศไทยยังรับบริจาควัคซีนโนวาแวกซ์จากประเทศอินเดีย 2 แสนโดส โดยมีการรับมอบไปแล้วในวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่าที่ประชุม ศบค.ยังเห็นชอบความคืบหน้าการพิจารณาข้อบ่งใช้ Long Acting Antibody (LAAB) ซึ่งเป็นวัคซีนพร้อมใช้ ความหมายก็คือการนำภูมิมาฉีดให้กับคนที่สร้างภูมิได้น้อย แทนการนำเชื้อมาฉีดเพื่อกระตุ้นภูมิ โดยจะฉีดเฉพาะคนกลุ่มที่เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบ แพ้ภูมิตนเอง ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ และผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต่ำอื่นๆ เช่น ผู้ป่วย HIV ประมาณ 5 แสนราย โดยใช้งบประมาณที่เคยอนุมัติไปแล้ว ในกรอบการจัดซื้อวัคซีน.- สำนักข่าวไทย