ทำเนียบรัฐบาล 12 พ.ค.-รัฐบาลรักษาผู้ป่วยโควิดฟรีทุกราย ห้ามโรงพยาบาลเรียกเก็บ เร่งเดินหน้าฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง ขณะนายกฯ ห่วงเฟคนิวส์ ให้ดำเนินคดีทันที
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้ (11พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแจ้งต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าอยากให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและมั่นใจการฉีดวัคซีนของภาครัฐสามารถจัดหาวัคซีนได้ทันและฉีดได้รวดเร็ว พร้อมขอให้ทุกหน่วยงานเชิญชวนประชาชนฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด เพื่อประเทศจะเดินหน้าต่อไปในเรื่องอื่น ๆ อาทิ การเปิดประเทศ การทำกิจกรรมต่าง ๆ จะมีภูมิคุ้มกันหมู่ ทำให้ความรุนแรงการติดเชื้อลดลง
“บุคลากรทางการแพทย์แนะนำว่าเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว หากติดเชื้อจะไม่ทำให้เสียชีวิตอย่างแน่นอน ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ฉีดเกือบครบแล้ว ขณะเปิดให้ผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” หลังจากนั้นจะเดินหน้าฉีดให้ผู้ที่ทำงานมีความเสี่ยง ผู้ที่เดินทางบ่อยและพบปะผู้คนจำนวนมาก เช่น พนักงานขับรถส่งของ ขับรถสาธารณะ พนักงานร้านสะดวกซื้อ พนักงานภาคการท่องเที่ยว เพื่อลดการระบาด โดยในเดือนมิถุนายนจะเริ่มระดมฉีดใน 14 ศูนย์ และจะเดินหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 25 ศูนย์เร็ว ๆ นี้ โดยจะเปิดให้องค์กรต่าง ๆ จัดสรรพนักงานที่มีความเสี่ยงทยอยเข้ารับการฉีดวัคซีน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายอนุชา กล่าวถึงการจัดซื้อวัคซีนว่า ในเดือนพฤษภาคมนี้ จะได้รับวัคซีนซิโนแวค 3.5 ล้านโดส และเดือนมิถุนายน จะได้รับแอสตราเซเนกาที่ผลิตในไทยอีก 6 ล้านโดส จากนั้นจะได้รับอีกเดือนละ 10 ล้านโดส ส่วนการจัดซื้อวัคซีนยี่ห้ออื่นอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าจะจัดซื้อให้ได้ 150 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับการติดต่อสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุขหารือกับตัวแทนบริษัทไฟเซอร์แล้ว และทางบริษัทยืนยันจะสำรองและส่งวัคซีนให้ประเทศไทยได้ตามความต้องการของกระทรวงสาธารณสุขประมาณ 10 ล้านโดส ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 64 เป็นต้นไป และเมื่อขึ้นทะเบียนวัคซีนกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว ทางบริษัทไฟเซอร์จะส่งวัคซีนให้รัฐบาลก่อน ละภาคเอกชนสามารถเจรจาสั่งซื้อได้
“องค์การเภสัชกรรมยืนยันไม่ได้จัดเก็บค่าบริการการจัดซื้อวัคซีนเพิ่มอีกร้อยละ 10 ตามที่เป็นข่าว ซึ่งผู้นำเข้าวัคซีนจะมีค่านำเข้า ค่าตรวจห้องปฏิบัติการ มีค่าภาษีมูลค่าเพิ่มตามปกติ ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนต้องดูแลอยู่แล้ว ทั้งนี้ รัฐบาลจะดูแลค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลต่าง ๆ ให้ผู้ป่วยติดเชื้อทุกคน โดยไม่ให้โรงพยาบาลเรียกเก็บจากผู้ป่วย หากฝ่าฝืนจะมีโทษทางกฎหมาย และหากใครมีผลข้างเคียงจากการรับวัคซีน ทาง สปสช.จะดูแลค่าเยียวยา” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนการจัดตั้งโรงพยาบาลบุษราคัม ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายอนุชา กล่าวว่า มีมาตรฐานเทียบเท่าโรงพยาบาลทั่วไป และไม่ใช่โรงพยาบาลสนาม โดยจะดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง มีเตียงพร้อมรับ 1,092 เตียง และจะขยายได้มากถึง 5,000เตียง
“นายกรัฐมนตรีอยากให้หน่วยงานต่าง ๆ จัดตั้งครัวสนามแจกจ่ายอาหาร เพื่อช่วยเหลือประชาชนในชุมชนต่าง ๆ ซึ่งล่าสุดกองทัพได้ช่วยเหลือชุมชนคลองเตยและบางแค เพราะบางคนไม่ได้ติดเชื้อ แต่ต้องกักตัวภายในบ้าน ซึ่งนายกฯ มีความเป็นห่วงเรื่องนี้” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความกังวลเรื่องเฟคนิวส์ โดยเฉพาะเรื่องวัคซีนที่แชร์ข้อมูลไม่ถูกต้อง สร้างความสับสนให้สังคม ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้กลุ่มคนเหล่านี้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะถือเป็นการซ้ำเติม เพิ่มความเดือดร้อนให้ประชาชน และให้ดำเนินคดีทันทีหากแชร์ข้อมูลไม่ถูกต้อง.-สำนักข่าวไทย