กรุงเทพฯ 4 พ.ค.-สาวคลัสเตอร์ทองหล่อ ติดโควิด 18 วัน ไม่มีหน่วยงานใดให้การช่วยเหลือ ตัดสินใจกักตัวอยู่บ้านเลือกใช้สมุนไพรพื้นบ้านรักษา ขณะนี้อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว ล่าสุดอยู่ระหว่างรอผลตรวจโควิดอีกรอบ ว่ายังมีเชื้ออยู่หรือไม่
นางสาวสิวนารถ เล่าให้ฟังว่า เมื่อต้นเดือนเมษายน ตนได้ไปใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิดคลัสเตอร์ร้านคริสตัลทองหล่อ จึงไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าไม่ติดเชื้อ หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 12 เม.ย. ตนเองมีอาการป่วย น้ำมูกไหล และไอปวดเบ้าตา จึงกักตัวอยู่บ้าน และวันที่ 16 เม.ย.64 ตนเองเริ่มมีอาการหนักขึ้นจึงตัดสินใจขับรถไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านนนทบุรีอีกครั้ง แล้วกลับมาดูอาการกักตัวเองอยู่ที่บ้าน ช่วงระหว่างที่ดูแลตัวเองอยู่บ้าน มีอาการไอและมีไข้ แต่ก็พอดูแลตัวเองได้อยู่ และวันที่ 18 เม.ย. ทางโรงพยาบาลได้ติดต่อกลับมาบอกผลตรวจว่าตนติดเชื้อโควิด ทางโรงพยาบาลจึงถามว่ามีประกันอะไรไหม ตนจึงตอบไปว่ามีบัตรทอง 30 บาท โรงพยาบาลจึงบอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับมาอีกครั้ง ตนเองก็ได้แต่รอ แต่โรงพยาบาลก็ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย
พอมาช่วงวันที่ 19 เม.ย. ตนจึงให้เพื่อนซื้อยาวิตามินรวม วิตามินบี5 วิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม กินเช้าก่อนนอน ก็ช่วยลดไข้ได้ส่วนหนึ่ง แต่ยังแน่นหน้าอกอยู่ พอมาวันที่ 20-24 เม.ย. เริ่มมีอาการหนักขึ้น แน่นหน้าอกหายใจไม่ค่อยสะดวก ไอ ปวดหัว ปวดเบ้าตา หนาวไปถึงกระดูก ขณะนั้นอาการหนักมาก ตนจึงโทรศัพท์ไปหมายเลขต่างๆ ที่รัฐบาลแจ้งไว้เพื่อให้การช่วยเหลือ แต่ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือ มีแต่ทางเพจสายไหมต้องรอดนำถุงยังชีพของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้น ตนจึงตัดสินใจโทรศัพท์หาแม่ที่อาศัยอยู่ต่างประเทศว่าตนป่วยเป็นโรคโควิด แม่จึงแนะนำให้ใช้วิธีแบบพื้นบ้านโดยการให้ต้มน้ำเปล่าผสมกับน้ำส้มสายชูนิดนึงแล้วสูดดมควันจากหม้อต้มเพื่อจะได้หายใจสะดวกขึ้น และนำหอมแดงมาต้มใส่น้ำเพื่อกินแทนน้ำเปล่า และนำข่าตะไคร้ใบมะกรูด มาต้มใส่น้ำกินเช้า กลางวัน เย็น ทุกวัน จากนั้นวันที่ 25 เม.ย.อาการตนเองเริ่มดีขึ้น ไม่มีไข้ เริ่มหายใจได้ปกติ ตนจึงรักษาด้วยวิธีนี้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน ตนอยากให้หน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยเหลือ ติดต่อมาถามอาการ พาไปเอกซเรย์ปอดว่ายังมีเชื้อหลงเหลืออยู่ไหม ถ้าไม่มีเชื้อแล้ว จะได้นำข้อมูลนี้เป็นวิทยาทานสำหรับผู้ป่วยท่านอื่นต่อไป
ทางด้านเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม กล่าวว่า เคสนี้นางสาวสิวนารถ ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือมาทางเพจสายไหมต้องรอด ให้หาหน่วยงานรัฐบาลเข้ามาดูแลอาการการป่วย ซึ่งทางเราได้นำถุงยังชีพมาแจกไว้เบื้องต้นแล้ว เนื่องจากผู้ป่วยไม่สามารถออกไปซื้ออาหารมากินเองได้ จากนั้นได้ประสานกับโรงพยาบาลให้เข้าไปตรวจหาเชื้อพร้อมเอกซเรย์ปอดอีกรอบ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แล้ววันนี้ อยากฝากถึงผู้ป่วยที่ตกสำรวจหรือเข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาลของรัฐ ให้นำเคสผู้ป่วยรายนี้เป็นตัวอย่างในการใช้สมุนไพรพื้นบ้านรักษาอาการ และทานยาสามัญประจำบ้านตามอาการ และอยากฝากหน่วยงานของรัฐให้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่สายไหมอีกครั้ง เพราะพื้นที่สายไหมยังมีผู้ป่วยโควิดที่ตกสำรวจไม่ได้รับการรักษาอีกจำนวนมาก .-สำนักข่าวไทย