สธ.5 เม.ย.- สธ.เผยเรือนจำ จ.นราธิวาส ติดโควิดกว่า 100 คน แต่เป็นสถานที่ปิดไม่มีแพร่กระจายสู่ชุมชน ควบคุมเช่นเดียวกับกรณีห้องกัก ตม. ต้นเหตุติดเชื้ออยู่ระหว่างสอบสวนโรค ส่วนกรณีสถานบันเทิงใน กทม.-ปริมณฑล ติดเชื้อรวม 70 ราย พบติดกันเป็นลูกโซ่จากปทุมธานีมาทองหล่อและเอกมัย เหตุนักเที่ยว นักร้อง นักดนตรี ไปหลายร้าน ย้ำสถานที่แออัด ระบายอากาศไม่ดี ไม่สวมหน้ากาก เป็นความเสี่ยง ยันไม่มีรัฐมนตรีร่วมงานเลี้ยงที่บ้านทูตญี่ปุ่น
เมื่อวันที่ 4 เม.ย.64 ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่าวันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 96 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 78 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 9 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 9 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต และรักษาหายเพิ่มขึ้น 106 ราย ทำให้การติดเชื้อระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563 – 4 เมษายน 2564 มีผู้รักษาหายแล้ว 23,597 ราย คิดเป็นร้อยละ 94.81 อยู่ระหว่างการรักษา 1,258 ราย และเสียชีวิตสะสม 35 คน
ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 3 เมษายน 2564 ฉีดแล้ว 244,254 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 201,864 ราย และครบสองเข็ม 42,390 ราย ถือว่าฉีดได้ตามเป้าหมาย ไม่ได้ล่าช้า เนื่องจากช่วงแรกได้วัคซีนมา 2 แสนโดส ฉีดคนละ 2 เข็ม จึงฉีดได้ 1 แสนคน และเมื่อมีวัคซีนจำนวนมาก ตั้งแต่มิถุนายนที่จะมีวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าเดือนละ 10 ล้านโดส จะสามารถฉีดได้ครบถ้วนแน่นอน เช่น ชลบุรีฉีดได้ถึง 1 หมื่นโดสในวันเดียว โดยประชาชนสามารถเริ่มจองฉีดวัคซีนได้ผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อมได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 และจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอสม. สำรวจกลุ่มเป้าหมายที่สมัครใจฉีดวัคซีน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทยด้วย
สำหรับสถานการณ์ที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกล โรงพยาบาลไม่มีห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อโควิด 19 กระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษพระราชทาน ลงพื้นที่สนับสนุนการตรวจหาเชื้อในผู้ลี้ภัยชาวต่างชาติ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และฝ่ายความมั่นคงที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อ ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมโรคได้อย่างทันท่วงที รวมถึงสนับสนุนวัคซีนโควิด 19 เพิ่มเติม 2,000 โดสแก่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองที่ดูแลผู้ลี้ภัย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายเชื้อมาสู่คนไทย
ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อในเรือนจำ จ.นราธิวาส มีการส่งรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษพระราชทานลงไปในพื้นที่เช่นกัน จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่า เริ่มจากเจ้าหน้าที่พยาบาลในเรือนจำมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตรวจพบติดเชื้อ 1 คน จึงสอบสวนโรคเพิ่มเติม โดยตรวจผู้ต้องขังประมาณ 700 กว่าคน พบผู้ติดเชื้อ 100 กว่าคน สถานการณ์ถือว่าคล้ายกับสถานกักตัวของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากเป็นสถานที่ปิด มีการอยู่อย่างแออัด ทำให้มีโอกาสติดเชื้อสูง ไม่มีความเสี่ยงแพร่กระจายไปยังชุมชน สำหรับจุดเริ่มต้นในการติดเชื้อต้องรอผลสอบสวนอย่างละเอียด เบื้องต้นเรือนจำดำเนินมาตรการต่างๆ ได้ดี อย่างไรก็ตาม เน้นย้ำเรื่องการกักตัวผู้ต้องขังแรกรับ 14 วันอย่างเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง เฝ้าระวังโดยตรวจหาเชื้อเจ้าหน้าที่เป็นระยะ และเร่งฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่
“กรณีที่มีผู้ต้องขังกลุ่มนี้เดินทางไปร่วมประชุมและกิจกรรมที่ จ.สุราษฎร์ธานี และตรวจพบว่าติดเชื้อมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 1 พันคน จัดงานเพียง 1 วัน ผู้ต้องขังไม่ได้ปะปนกับคนหมู่มาก ได้สอบสวนและควบคุมโรค ติดตามผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงได้แล้วทั้งหมด โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงได้รับการแยกกัก และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำอยู่ในระบบเฝ้าระวัง” นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สถานการณ์การติดเชื้อในสถานบันเทิงในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบติดเชื้อ 70 ราย พบว่ากลุ่มที่ติดเชื้อมีความเชื่อมโยงกัน จากการสอบสวนโรคคาดว่า เริ่มต้นจากสถานบันเทิง จ.ปทุมธานี ไปยังคริสตัล คลับ ทองหล่อ, ร้านบลาบลาบาร์ และเบียร์เฮาส์ เอกมัย เป็นลูกโซ่ เนื่องจากนักเที่ยวนำเชื้อมาติดพนักงานและติดไปยังนักเที่ยวคนอื่น ซึ่งนักเที่ยวมักไปเที่ยวหลายร้าน และพนักงาน นักร้องและนักดนตรีไปทำงานหลายร้าน ทำให้แพร่กระจายเชื้อไปร้านอื่นต่อ และนำไปติดคนในครอบครัว ปัจจัยที่ทำให้ติดเชื้อมากมาจากสถานที่เสี่ยง คือ ความแออัด การระบายอากาศไม่ดี ไม่มีการเว้นระยะห่าง และพฤติกรรมเสี่ยง คือ ไม่สวมหน้ากาก ตะโกนเสียงดัง ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ขาดสติ อาจใช้แก้วร่วมกัน เป็นต้น
“แม้ในระยะผ่อนคลายจะเปิดสถานบันเทิงได้ แต่ต้องเป็นนิวนอร์มัล โดยจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการ สแกนไทยชนะเข้าออกสถานที่ พนักงานต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา ผู้มารับบริการต้องใส่หน้ากากให้มากที่สุดทำความสะอาดจุดสัมผัสต่างๆ ตรวจหาเชื้อพนักงาน นักร้อง นักดนตรีสม่ำเสมอ โดยเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและสาธารณสุขจะลงพื้นที่ติดตามกำกับ หากดำเนินการไม่ได้หรือมีการแพร่ระบาด จะต้องดำเนินการทางกฎหมาย โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร สามารถสั่งปิดปรับปรุงตามกำหนดได้ หรือออกมาตรการเพิ่มเติมจากที่ ศบค.กำหนด ส่วนผู้ที่ไปเที่ยวในสถานบันเทิงดังกล่าวตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป หากมีอาการผิดปกติให้ไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจหาเชื้อ หากมีความกังวลขอรับคำปรึกษาได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านหรือโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422” นพ.โอภาสกล่าว
ส่วนกรณีทูตญี่ปุ่นติดเชื้อโควิด 19 เข้ารักษาโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง อาการทรงตัวดี ไม่มีอาการปอดบวม จากการสอบสวนโรคและซักถามผู้ที่เกี่ยวข้องยืนยันว่า ไม่มีรัฐมนตรีท่านใดที่เข้าร่วมงานเลี้ยงที่บ้านทูตญี่ปุ่น และไม่มีรัฐมนตรีท่านใดที่ไปสถานบันเทิงย่านทองหล่อดังกล่าว รวมถึงนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็ไม่ได้เข้าร่วมแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นายสุพัฒนพงษ์ซึ่งอยู่ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานีจะเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด 19 เพื่อความสบายใจของประชาชน .-สำนักข่าวไทย