กรมราชทัณฑ์ 31 มี.ค.-“รุ้ง” เริ่มอดข้าวเฉพาะมื้อเย็น ส่วน “เพนกวิน” ผื่นคันลดลง ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ไม่ไปอยู่รพ.ราชทัณฑ์
นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกระแสข่าวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ซึ่งถูกกักขังอยู่ที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี มีอาการทรุดหนักหลังอดอาหารว่า อาการล่าสุดของนายพริษฐ์ เมื่อช่วงเช้าวันนี้พบว่าสัญญาณชีพโดยทั่วไปปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.6 องศาเซลเซียส อัตราเต้นของหัวใจ 66 ครั้งต่อนาที อัตราการหายใจ 18 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต 123/75 มิลลิเมตรปรอท และน้ำหนักตัว 103 กิโลกรัม ยืนยันว่านายพริษฐ์มีอาการปกติ สีหน้าสดชื่นขึ้น ไม่มีอาการหน้ามืดเวียนศีรษะ พบเพียงอาการอ่อนเพลีย ริมฝีปากแห้งเล็กน้อย และอาการแสบท้องเจ้าหน้าที่ให้ยาเคลือบกระพาะ และให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำและดื่มเกลือแร่ทดแทน
นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า นายพริษฐ์ยังไม่มีอาการผิดปกติจนน่ากังวล และไม่มีความประสงค์ที่จะย้ายตัวไปรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งสถานพยาบาลในสถานกักขังฯ ก็มีเจ้าหน้าที่พยาบาลให้การดูแลรักษาตลอดเวลา และมีความพร้อมในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลแม่ข่ายหากมีเหตุฉุกเฉินอยู่แล้ว ส่วนที่ญาติจะขอย้ายนายพริษฐ์ไปรักษาโรงพยาบาลอื่นก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถเรียกร้องได้ แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล เบื้องต้นหากมีผู้ต้องขังป่วยจนต้องออกไปรักษาที่โรงพยาบาลภายนอก กรมราชทัณฑ์ก็มีโรงพยาบาลแม่ข่ายในแต่ละพื้นที่รองรับอยู่แล้วรวมทั้งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก็เป็นโรงพยาบาลในสังกัดกรมราชทัณฑ์ที่มีอุปกรณ์และเครื่องมือในการดูแลรักษาเพียบพร้อมเทียบเท่าโรงพยาบาลทั่วไป
ส่วนประเด็นการอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิของน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง เบื้องต้นได้รับแจ้งจากน.ส.ปนัสยาว่าต้องการงดอาหารมื้อเย็น 1 มื้อ เป็นระยะเวลา 3 วัน (เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.64) ส่วนอาหารมื้อเช้าและมื้อกลางวันยังคงรับประทานอยู่ และมีการทำกิจกรรมอื่นๆ รวมถึงการเข้าพบทนายเพื่อปรึกษาเรื่องคดีความตามปกติ
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์พร้อมให้ประชาชนได้รับทราบในทุกประเด็น แต่เนื่องจากบางเรื่องอาจจะมีความละเอียดอ่อนต้องรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อไม่ให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการพอสมควร จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจการทำงานและรอติดตามการชี้แจงจากกรมราชทัณฑ์เพื่อความชัดเจน มากกว่าจะเชื่อกระแสข่าวลือที่อาจจะสร้างความเข้าใจผิดได้ .-สำนักข่าวไทย