กทม. 23 มี.ค. – ภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญฯ ย้ำจุดยืนผลักดันรธน.ฉบับใหม่ เตือนส.ว.ยุติ การส่งตีความ กม.ประชามติ ชี้ หากตกไปอีกฉบับจะเป็นการปิดประตูทางออกการเมือง และอาจทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย ซึ่งมีตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ และนักวิชาการ ร่วมหารือ อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ จากกลุ่มสร้างไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสงจากกลุ่มเส้นทางใหม่ นายชินวรณ์ บุญเกียรติ จากพรรคประชาธิปัตย์ นายนิกร จำนงค์ จากพรรคชาติไทยพัฒนา นายโคทม อารียา และนายอนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานคณะกรรมการบริหารภาคีฯ ประชุมร่วมกันก่อนมีการแถลงข่าว
นายอนุสรณ์ แถลงว่า ภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญฯประเมินสถานการณ์หลังจากที่รัฐสภาไม่เห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และการเพิ่มหมวด 15/1 โดยมีความเห็นว่า ภาคีฯมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการที่จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และขอให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะรัฐบาล และรัฐสภา ร่วมมือกันเพื่อดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็ว และขอให้ทุกฝ่ายทั้งรัฐบาล และรัฐสภา ร่วมกันดำเนินการเพื่อให้มีการออกเสียงประชามติถามประชาชนในเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมถึงคำถามที่จะให้ประชาชนให้ความเห็นที่จะลงประชามติ อาจเป็นดังนี้ ท่านประสงค์ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่สมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนหรือไม่
นายอนุสรณ์ยังแถลงว่า การที่พรรคการเมืองหรือกลุ่มองค์กรประชาธิปไตย ดำเนินการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมเป็นรายมาตรา เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ย่อมสามารถทำได้ และพึงได้รับการสนับสนุนจากสังคม โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เกี่ยวข้องกับการสืบทอดอำนาจ อาทิ การแก้ไขมาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ภาคีฯยังยืนยันในการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้มั่นคง เข็มแข็ง ก้าวหน้า แต่จากสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ยังมีการวางกับดักให้มีการสืบทอดอำนาจอย่างต่อเนื่อง เราจึงสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา
ด้าน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่มีส.ว.จำนวนหนึ่งเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ว่า กฎหมายประชามติเป็นกฎหมายเดียวในขณะนี้ที่เหลืออยู่ และเป็นความหวังของประชาชน ในการที่จะทำให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า หากรัฐสภาต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ต้องถามประชาชนก่อน ว่าประสงค์จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ แต่คนกลุ่มหนึ่งพยายามทำให้กฎหมายประชามติตกไป โดยการหยิบยกประเด็นดังกล่าวไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญอีกเหมือนกับที่ทำกับร่างแก้ไขรัฐธรรมมนูญ
“วันนี้ยังเป็นขั้นตอนในชั้นกรรมาธิการ ที่จะกลับไปปรับปรุงแก้ไข ผมเชื่อว่ากมธ.จะปรับปรุงให้สอดรับกับมาตรา 9 และสอดรับกับรัฐธรรมนูญ ผมจึงอยากให้รัฐบาลส่งเสริมสนับสนุนมากกว่ามาขัดแข้งขัดขาให้กฎหมายดังกล่าวตกไป กฎหมายนี้เป็นกฎหมายที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเป็นกฎหมายปฏิรูปจึงเป็นกฎหมายสำคัญ หากคว่ำหรือล้มไป รัฐบาลต้องรับผิดชอบโดยการลาออก” นายสมชัย กล่าว
เมื่อถามว่า หากนายกฯตัดสินใจยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ทำให้รัฐธรรมนูญไม่ได้แก้ไข นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เชื่อว่าส.ว.จำนวนไม่น้อยที่เคยเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และขณะนี้มีกระแส และเสียงเรียกร้องจากประชาชน จึงเชื่อว่าจะมีผลต่อการตัดสินของส.ว.ในอนาคต แม้หากมีความจำเป็นต้องเลือกนายกฯใหม่ด้วยรัฐธรรมนูญเดิม นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้กลุ่ม ส.ว.ที่จะดำเนินการยื่นตีความกฎหมายประชามติได้ทบทวนท่าที เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำที่มุ่งตอบสนองการสืบทอดอำนาจ เป็นการปิดประตูทางออกของประเทศ และอาจทำให้สถานการณ์ในขณะนี้รุนแรงขึ้น.-สำนักข่าวไทย