กระบี่ 18 มี.ค.-ศาลฎีกา พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิต “บังฟัต” พร้อมพวกอีก 6 คน ลงมือก่อเหตุวางแผนและฆ่า อดีตผู้ใหญ่บ้านกลาง อำเภออ่าวลึก จ.กระบี่ เสียชีวิตพร้อมสมาชิกในครอบครัวภายในบ้านพักจำนวน 8 ราย เมื่อปี 60 ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 1 คนคือจำเลยคนที่ 8 ถือว่าได้รับโทษเบาที่สุด ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์จำคุก 12 เดือนเช่นเดิม เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้มีส่วนร่วมและรู้เห็นในการฆ่า ซึ่งปัจจุบันจำเลยที่ 8 ได้รับโทษครบตามจำนวนและพ้นโทษไปแล้ว ถือเป็นอันปิดฉากคดีสะเทือนขวัญครั้งใหญ่ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์กระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลา3ปีกับอีก 8 เดือน
โดยการอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาวันนี้ ใช้วิธีการอ่านคำพิพากษาผ่าน Video Conference จากศาลจังหวัดกระบี่ไปยังเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อเวลาราว 10.00 น. ที่ผ่านมา โดยมีครอบครัวของนายวรยุทธ สังหลัง หรือผู้ใหญ่บัติ อดีตผู้ใหญ่บ้านกลาง อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ที่เสียชีวิตพร้อมสมาชิกในครอบครัว 8 ราย เดินทางมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดกระบี่ด้วย แต่ว่าศาลไม่ได้อนุญาตให้เข้าร่วมรับฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณาคดี โดยได้นัดแยกให้มาฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 24 เมษายนนี้
โดยในคดีนี้มีจำเลยทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วย นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัต นายคมสรรค์ เวียงนนท์ นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ นายอรุณ ทองคำ นายประจักษ์ บุญทอย นายธนชัย จำนอง นายธวัฒชัย บุญคง และจำเลยที่8นางชลิดา สังข์โชติ โดยวันนี้ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ลงโทษประหารชีวิต บังฟัตพร้อมกับจำเลยที่ 2 ถึง 7 เนื่องจากศาลให้ความเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้ง 7 เป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น และให้จำเลยทั้ง 7 จ่ายชดใช้ค่าเสียหายให้กับญาติผู้เสียชีวิตทุกคนด้วย ตั้งแต่วงเงิน 4 แสนบาทไปจนถึง 2 ล้านบาท ส่วนจำเลยที่ 8 นางชลิดาสังข์โชติ ยืนโทษจำคุก 12 เดือนเช่นเดิม เนื่องจากศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการลงมือฆ่า
ย้อนกลับไปคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 9 ต่อเนื่องวันที่10 ก.ค.60 โดยบังฟัตพร้อมพวกได้บุกเข้าไปภายในบ้านพักของผู้ใหญ่วรยุทธก่อนที่จะจับสมาชิกในครอบครัวมัดและลงมือฆ่า
เหตุครั้งนั้นมีผู้รอดชีวิต 3 คน หนึ่งในเหยื่อที่รอดชีวิตอายุน้อยที่สุดเพียง 3 เดือน สาเหตุเกิดจากความยัดแย้งเรื่องโฉนดที่ดิน ที่พ่อตานายวรยุทธ นำไปจำนองไว้กับนายซูริก์ฟัต จนกระทั่งได้มีการผ่อนชำระหมด แต่นายซูริก์ฟัต นำที่ดินไปจำนองไว้กับทางธนาคาร ไม่สามารถนำหลักฐานที่ดินกลับมาคืนให้ได้ มีการทวงถามกันหลายครั้งกลายเป็นความขัดแย้ง นายซูริก์ฟัต จึงวางแผนก่อเหตุ โดยจัดฉากว่านายวรยุทธ เครียดเรื่องหนี้สินก่อเหตุฆ่าคนในครอบครัว และฆ่าตัวตายตาม
โดยหลังทราบคำพิพากษา ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งประกอบด้วยนางอาส้า บุตรนางจินตนา และนางอัญชลี ซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวน 3 คนของเหยื่อที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ ระบุว่ารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เข้าร่วมฟังคำพิพากษาในวันนี้ด้วย แต่ก็ขอขอบคุณที่ศาลจะให้ความยุติธรรมต่อครอบครัว เนื่องจากตลอดเกือบสี่ปีที่ผ่านมาทางครอบครัว ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนักทั้งจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปทั้งหมดถึง 8 คนและยังต้องแบกรับภาระหนี้สินที่เกิดจากการที่บังฟัต นำบ้านหลังที่เกิดเหตุไปจำนองกับธนาคาร จนกระทั่งทำให้บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นสมบัติที่เหลือเพียงชิ้นเดียวถูกยึด ขณะที่เหยื่อซึ่งรอดชีวิตอีก 2 คน ซึ่งเป็นบุตรสาวของนางอัญชลี และเด็กชายนาบิ้น สังหลัง ทายาทที่เหลือเพียงคนเดียวของผู้ใหญ่วรยุทธ แม้เวลาจะผ่านมาเกือบ 4 ปีแต่ทั้งสองยังไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ยังต้องพบแพทย์ เพื่อประเมินจิตใจทุกเดือน.-สำนักข่าวไทย