ททท.ประชาสัมพันธ์แคมเปญ “CF-Hotels นอนชิลฟีลรักษ์โลก” ที่ จ.กระบี่

กระบี่ 21 พ.ย. – ททท.นำ “เชอรี่ เข็มอัปสร” ประชาสัมพันธ์แคมเปญ CF-Hot“CF-Hotels นอนชิลฟีลรักษ์โลก” Krabi: A Sustainable Haven for Travelers ที่ จ.กระบี่


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำ “เชอรี่” เข็มอัปสร สิริสุขะ ประชาสัมพันธ์แคมเปญ CF-Hotels นอนชิลฟีลรักษ์โลก ที่จังหวัดกระบี่ สวรรค์แห่งการพักผ่อนอย่างยั่งยืนสำหรับนักท่องเที่ยว Krabi: A Sustainable Haven for Travelers พบปะผู้ประกอบการโรงแรม CF-Hotels จ.กระบี่ พันธมิตร และสื่อมวลชนกระบี่ พร้อมนำชม 2 ที่พักรักษ์โลกและรับผิดชอบต่อสังคม โรงแรม วารานา กระบี่ โรงแรม CF-Hotels ที่มีจุดเริ่มต้นจากแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green) และโรงแรม ดีวาน่า พลาซ่า กระบี่ อ่าวนาง สถานที่พักและจัดประชุมที่เป็นมิตรต่อที่สิ่งแวดล้อม ปิดท้ายด้วยประสบการณ์ท่องเที่ยวชุมชนต้นแบบ หวังปลุกกระแสให้นักท่องเที่ยวยุคใหม่หันมาท่องเที่ยวและเลือกพักที่โรงแรม CF-Hotels ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการท่องเที่ยวซึ่งเป็นสาเหตุของสภาวะโลกเดือดง่ายๆ “แค่เลือกพักกับโรงแรม CF-Hotels ก็สามารถรักษ์โลกได้แล้ว”

นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึง แคมเปญ CF-Hotels นอนชิลฟีลรักษ์โลก “แค่เลือกพักกับโรงแรม CF-Hotels ก็สามารถรักษ์โลกได้แล้ว” ว่าเป็นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมและที่พัก CF-Hotels ตลอดจนสร้างกระแสความต้องการเดินทางท่องเที่ยวรักษ์โลกในกลุ่มนักท่องเที่ยว ให้มีการปรับพฤติกรรมเลือกใช้บริการสินค้าท่องเที่ยวที่มีการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น ซึ่งในทริปนี้จะเน้นเรื่องการนำเสนออัตลักษณ์ของ จ.กระบี่ คือ “กระบี่เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก” ตีความออกมาให้สอดคล้องกับแคมเปญคือ Krabi : A Sustainable Haven for Travelers


นอกจากนี้ ททท.ได้ใช้โอกาสนี้ พบผู้ประกอบการโรงแรม CF-Hotels พันธมิตร และสื่อมวลชนในพื้นที่ จ.กระบี่ เพื่อพูดคุยประเด็นความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวรักษ์โลกและการให้ความสำคัญเรื่องการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนให้ จ.กระบี่ บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และมุ่งมั่นสานต่อโครงการเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint : CF) และส่งเสริมเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การปรับตัวให้เท่าทันต่อบริบทการเปลี่ยนแปลง ตามกรอบความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย และสหประชาชาติประจำประเทศไทย

“กระบี่ นับเป็นเมืองที่ภาครัฐและเอกชนมีการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มแข็งและชัดเจน ดังจะเห็นได้จากการนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SGDs) มาวางแผนการพัฒนาจังหวัดซึ่งสอดคล้องกับนโยบายยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Shape Supply) ของ ททท. ดังนั้น การจัดกิจกรรม Meet the Press ที่ จ.กระบี่ จึงเปรียบเสมือนการแสดงความมุ่งมั่นที่ต้องการสนับสนุน จ.กระบี่ ให้กลายเป็นหนึ่งในหมุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้มีการคำนวณการปล่อยและลดก๊าซเรือนกระจกที่กลุ่มธุรกิจที่พักผ่านแพลตฟอร์ม CF-Hotels การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีแนวทางการดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism Goals: STGs) ภายใต้โครงการ STAR : Sustainable Tourism Acceleration Rating ของ ททท.”

ปัจจุบันมีจำนวนโรงแรมที่เปิดบัญชีในแพลตฟอร์ม CF-Hotels แล้วมากกว่า 400 แห่ง และมีการทำกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 101,989 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ


นางวิภาวรรณ เหล่าธนาสิน กรรมการผู้จัดการ โรงแรมวารานา กระบี่ กล่าวว่า โรงแรมขอบคุณ ททท. ที่เห็นความสำคัญกับวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมของโรงแรมฯ แม้ว่า โรงแรมแห่งนี้เป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ผสมผสานระหว่างความหรูหรา และความยั่งยืน เป็นโรงแรมรักษ์โลกแห่งแรกของจังหวัดกระบี่ จากประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 9 ปี ภายใต้แบรนด์ “เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท” โดยได้ส่งมอบประสบการณ์การพักผ่อนเหนือระดับ ด้วยแนวคิด Sustainability มาวางแผนการดำเนินงานเพื่อให้โรงแรมเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อน แต่โรงแรมเป็นส่วนสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากสู่ธรรมชาติ โรงแรมวารานาฯ ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาโลก ต้องการส่งมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้แขกที่มาพัก และสังคมโดยรอบ โดยนำนวัตกรรมการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน อาทิ การออกแบบสถาปัตยกรรม การตกแต่งภายในในสไตล์เรียบหรู (Minimalist Luxury) เฟอร์นิเจอร์ พรมปูพื้นที่ถักทอด้วยเส้นใยที่ผลิตจากขวดน้ำดื่มพลาสติกใช้แล้ว โซฟาบุจากผ้าทอจากเส้นด้ายผลิตจากเศษผ้ารีไซเคิล โคมไฟทำจากไม้ไผ่ผลิตภัณฑ์ Amenity Kits ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบธนาคารน้ำใต้ดิน (Groundwater Banking) การบริหารจัดการน้ำครบวงจรเป็นแหล่งกักเก็บน้ำชั้นใต้ดินในชั้นหินอุ้มน้ำในช่วงหน้าฝน เพื่อนำกลับมาใช้ในยามที่ต้องการ มื้ออาหารเน้นการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ของชุมชนในท้องถิ่น เน้นความสด สะอาด ปลอดสารเคมี มีแปลงผัก และสมุนไพรที่บุคลากรภายในโรงแรมช่วยกันปลูกและดูแล เป็นแปลงผักปลอดสารที่ใช้ปุ๋ยจากใบไม้แห้ง เศษวัชพืชและเศษอาหารที่ผ่านการคัดแยกมาหมักเป็นปุ๋ย เป็นการจัดการขยะแบบยั่งยืนและช่วยลดขยะอินทรีย์เข้าสู่ระบบขยะเป็นศูนย์ (Zero Waste) และส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก ลดการใช้พลาสติก และสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน รถไฟฟ้า เพื่อแทนการซื้อเชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงมีกิจกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อมต่างๆเพื่อส่งต่อแนวคิดรักษาสิ่งแวดล้อมให้แก่แขกที่เข้ามาพัก

นายธีระศักดิ์ กาญจนจงกล ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมดีวาน่า พลาซ่า กระบี่ อ่าวนาง หนึ่งในโรงแรม CF-Hotels ย่านอ่าวนาง จ.กระบี่ กล่าวว่า โรงแรมดีวาน่าฯ เป็นโรงแรมสถานที่พัก และจัดประชุมระดับ 4 ดาว ที่มีความยืนยงมาถึง 13 ปีด้วยวิสัยทัศน์ในการดำเนินการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และคงเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่นทางภาคใต้กับการเลี้ยงนกกรงหัวจุกนำมาใช้ในการออกแบบอาคาร ตัวอาคารมีความโปร่งโล่ง ระบายอากาศได้ดี และใช้แสงสว่างจากธรรมชาติในเวลากลางวัน ผนวกการให้ความสำคัญด้านการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง อาทิ การจัดการเรื่องเสียงโดยเฉพาะส่วนของห้องประชุม ที่มีการบริหารจัดการแบบรักษ์โลกลดการใช้ผ้า และการใช้ดอกไม้ตกแต่ง การจัดการด้านอากาศ ควบคุมไม่ให้มีการปล่อยมลพิษทางอากาศ ดูแลคุณภาพน้ำทิ้งก่อนนำกลับมาใช้ใหม่โดยนำมารดน้ำต้นไม้ภายในโรงแรม โดยไม่ปล่อยออกสู่ลำรางสาธารณะ การคัดแยกขยะ การจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว งดใช้พลาสติกหรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Reduce Recuse Recycle) การลดใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้พลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) เป้าหมายในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกให้มากที่สุด โดยคาดการณ์ว่า จะลดปริมาณได้ถึง 220,711.94 kWh หรือ 110.33 tonCO2e ต่อปี หรือคิดเป็นจำนวนเงิน 926,990 บาทต่อปี

นางสาวเข็มอัปสร สิริสุขะ หรือ เชอร์รี่ หนึ่งในศิลปินดาราที่หันมาใส่ใจและทำงานด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่า 10 ปี กล่าวถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมว่า “คนเรามักมองปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่แท้จริงแล้วปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากๆ มันส่งผลกระทบในชีวิตประจำวันของเราทุกคน ในฐานะนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไป ถึงเวลาที่เราควรร่วมมือร่วมใจกันคนละเล็กละน้อยปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และเชอรี่ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่เลือกเชอร์รี่เป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงที่จะช่วยกันผลักดันแคมเปญ CF-Hotels นอนชิลฟีลรักษ์โลก แค่เลือกพักก็สามารถรักษ์โลกได้แล้ว ชื่นชมผู้ประกอบการโรงแรมในกระบี่ ตลอดจนทุกคนที่ร่วมมือร่วมใจอย่างดีเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม นับเป็นแบบอย่างที่ดียิ่ง”

นางสาวกัสมาพร ลิปนพงศ์เทพ อุปนายกสมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา กระบี่มีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ 3.8 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 52,500 ล้านบาท มาจากจุดขายของกระบี่ คือ ความสวยงาม และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และตามวิสัยทัศน์ “KRABI GO GREEN” โดยยึดหลักการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ บีซีจี BCG (Sustainable Development Goals: SDGs) เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับโลก และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) ผ่านกิจกรรมภายใต้การลงนามความร่วมมือภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ KRABI CARBON NEUTRAL TOURISM 2040 เป็นจังหวัดแรกของประเทศไทย ร่วมกับผู้บริหารสถานประกอบการภาครัฐและเอกชน 22 แห่ง และเครือข่ายระดับประเทศ 10 แห่ง และระดับจังหวัดอีก 12 แห่ง ปัจจุบันมีผู้ประกอบการโรงแรมได้รับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมแล้วกว่า 33 แห่ง ในสมาคมฯ มีโครงการ “ขยะโรงแรมกระบี่ไม่กำพร้า” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน Circular Economy ในกลุ่มธุรกิจโรงแรม โดยนำขยะโรงแรมที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ส่งต่อให้โรงงานนำไปแปรรูปเอาไปใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิง (RDF) และอีกส่วนนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กลับมาใช้ในโรงแรม และเป็นของที่ระลึก โดยมีสมาชิกฯเข้าร่วมโครงการแล้ว 35 แห่ง

นางสาวสญาดา เบญจกุล ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ หนึ่งในพันธมิตร กล่าวว่า เวียตเจ็ทไทยแลนด์ ยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับโครงการฯของ ททท. ซึ่งมีความสอดคล้องกับนโยบายของสายการบินที่อุทิศตนเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเช่นกัน ได้แก่ การลดการปล่อยมลพิษจากการปฏิบัติการบิน กิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การลดสาเหตุของภาวะโลกร้อนที่มนุษยชาติกำลังเผชิญโดย เวียตเจ็ทไทยแลนด์ ได้ริเริ่มใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนนี้ซึ่งเป็นแผนการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมของเวียตเจ็ทกรุ๊ป ที่มุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 แม้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) จะมีต้นทุนสูงกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงธรรมดาหลายเท่า แต่น้ำมัน SAF สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับน้ำมันเชื้อเพลิงธรรมดา และยังคงขีดความสามารถในการปฏิบัติการบินของอากาศยานได้อย่างปลอดภัยและราบรื่น นอกจากนี้ยังดำเนินกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างสังคมสีเขียว โดยเน้นการมีส่วนร่วมของผู้โดยสาร พนักงานของสายการบินฯ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน โดยรายละเอียดเกี่ยวกับภารกิจของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ และกองทุนฟลายกรีน สามารถติดตามได้ที่ www.vietjetair.com.-111-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]

จัดโพเดียมกลางตึกไทยคู่ฟ้า รอนายกฯ แถลงหลังศาลอ่านคำวินิจฉัย

ทำเนียบ 28 ส.ค.-จัดโพเดียมกลางตึกไทยคู่ฟ้ารอ “แพทองธาร” นายกฯ แถลง หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยปมคลิปเสียงสนทนา “ฮุนเซน” ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้มอบทีมทนายความ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนเข้ารับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คดีคลิปเสียงสนทนา “สมเด็จฮุน เซน” ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่ น.ส.แพทองธาร จะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ในเวลาประมาณ 14.00 น. เพื่อติดตามรับชมการถ่ายทอดสดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ห้องประชุมชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า และจัดเตรียมห้องสีม่วง สำหรับรัฐมนตรีที่มาให้กำลังใจ ร่วมรับฟังคำวินิจฉัยไปพร้อมกัน ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการอ่านคำวินิจฉัย นายกฯ จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน บริเวณโถงกลาง ภายในตึกไทยคู่ฟ้า และจะเดินทางกลับออกไปในทันที โดยคาดว่าจะไม่เปิดให้สื่อมวลชนได้ซักถาม ซึ่งหลังจากเดินทางออกจากทำเนียบฯ ต้องจับตาว่า น.ส.แพทองธาร จะเดินทางไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อพบกับสมาชิก สส. และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย หรือไม่ เพราะสมาชิก […]