กรุงเทพฯ 17 มี.ค. -“พีระพันธุ์” ที่ปรึกษานายกฯ ย้ำชัดศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยที่มาของการพิจารณาคดีค่าโง่โฮปเวลล์ ของศาลปกครองขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ แสดงให้เห็นว่าคดีหมดอายุความไปแล้ว และต้องกลับไปนับอายุความเมื่อทราบเหตุแห่งข้อพิพาทไม่ใช่นับอายุความตามวันเปิดศาลปกครอง
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยประเด็น เกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครองและการออกระเบียบตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองในวันนี้ ทำให้เกิดความชัดเจนว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับโฮปเวลล์ นั้นหมดอายุดความไปแล้ว ในวันที่ศาลปกครองมีการพิจารณาเรื่องนี้ โดยศาลปกครองต้องนับอายุความหลังจากที่ทราบเหตุในการเกิดเรื่องข้อพาทขึ้น ไม่ใช่ไปแก้ไขระเบียบตัวเอง และมานับอายุความตามอายุวันการจัดตั้งศาลปกครอง โดยไปแก้ไขระเบียบของตัวเองกันเอง ทั้งๆ ที่กฎหมายพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง ระบุว่าการแก้ไขระเบียบพิจารณาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เท่านั้น ที่มาของการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด จึงขัดกับกับรัฐธรรมมนูญ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมมนูญวันนี้
“คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้จึงชัดเจนว่า คดีดังกล่าวหมดอายุความไปแล้ว และต้องกลับไปนับอายุความแบบเดิม คือนับจากการทราบเหตุแห่งข้อพิพาท ไม่ใช่นับตามวันเปิดศาลปกครอง ตามที่ได้มีการร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญไป” นายพีระพันธุ์ กล่าว
ส่วนคำถามว่า เมื่อผลของคดีออกมาเช่นนี้ จะมีความยึดโยงการการจ่ายค่าโง่ 2.4 หมื่นล้านบาท อย่างไร นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า จะมีการหารือร่วมกับทีมกฎหมายอีกครั้ง รวมทั้งทีมกฎหมายยังมีข้อต่อสู้ในคดี โฮปเวลล์อีกหลายประเด็น แต่ไม่สามารถเปิดเผยว่าได้ในขณะนี้
ส่วนประเด็นที่กระทรวงคมนาคม ตั้งทีมกฎหมมายเพื่อดำเนินการฟ้องร้องคดี ผู้ที่เกี่ยวข้องที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ที่การกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายในคดีโฮปเวลล์ ในข้อหาละเมิด และในคดีอาญา นั้น จะแยกเป็นอีกกส่วนหนึ่งไม่เกี่ยวข้องกัน.-สำนักข่าวไทย