ครม.อนุมัติร่าง MOU ค้าข้าว ระหว่างไทย-อินโดนีเซีย 1 ล้านตัน/ปี

กรุงเทพฯ 9 มี.ค. – ครม.อนุมัติร่าง MOU ค้าข้าว ระหว่างไทย-อินโดนีเซีย 1 ล้านตัน/ปี เพิ่มโอกาสส่งออกข้าวไทยเจาะตลาดอินโด


นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2564 ว่า สืบเนื่องจากเมื่อปี 2549 รัฐบาลไทยโดยกระทรวงพาณิชย์ได้ทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการค้าข้าวกับรัฐบาลอินโดนีเซีย โดยทั้งสองฝ่ายตกลงจะขายข้าวขาวร้อยละ 15 – 25 ในปริมาณไม่เกิน 1 ล้านตันต่อปี โดยฝ่ายไทยมอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนฝ่ายอินโดนีเซียมอบหมายให้รัฐวิสาหกิจ Perum Bulog เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่ง MOU ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ระหว่างปี พ.ศ. 2550 – 2554 และได้มีการต่ออายุ MOU มาแล้ว 1 ครั้ง โดยขยายผลบังคับใช้ออกไประหว่างปี พ.ศ.2555 – 2559 และต่อมาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 ทางรัฐบาลอินโดนีเซียได้แจ้งความประสงค์กับกระทรวงพาณิชย์ ขอต่ออายุ MOU การค้าข้าวฉบับเดิม ที่หมดอายุไปแล้วเมื่อพ.ศ. 2559 เนื่องจากรัฐบาลอินโดนีเซียมีความต้องการที่จะสำรองข้าวเพื่อความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศ

ดังนั้น เพื่อเป็นโอกาสให้รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณานำเข้าข้าวจากไทย และเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวไทยไปตลาดอินโดนีเซีย รวมถึงเป็นการรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ ครม. จึงมีมติอนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการค้าข้าวระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการค้าแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ซึ่งร่าง MOU ฉบับนี้ มีสาระสำคัญเหมือนกับฉบับเดิม โดยสรุปได้ดังนี้


กระทรวงพาณิชย์ ตกลงที่จะขายข้าวไทย ซึ่งเป็นข้าวขาวร้อยละ 15 – 25 ให้แก่กระทรวงการค้าอินโดนีเซีย ในปริมาณ 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์การผลิตของทั้งสองประเทศและระดับราคาในตลาดโลก โดยกระทรวงพาณิชย์มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศ เป็นหน่วยงานภาครัฐของไทยเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนกระทรวงการค้าอินโดนีเซีย มอบหมายให้รัฐวิสหกิจ Perum Bulog เป็นผู้ดำเนินการ หากเกิดกรณีที่มีข้อโต้แย้งหรือข้อพิพาทระหว่างคู่ภาคี ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นภายใต้ MOU ฉบับนี้ ทั้งสองฝ่ายจะหาข้อยุติโดยการหารือและเจรจาอย่างฉันมิตร และเมื่อมีการลงนาม MOU แล้ว จะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 4 ปี นับแต่วันที่ลงนาม ยกเว้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแจ้งยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าเป็นเวลา 6 เดือน

นางสาวรัชดากล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่ผ่านมา กรมการค้าระหว่างประเทศได้ทำสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับรัฐวิสาหกิจ Perum Bulog ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ภายใต้ MOU ฉบับเดิม ที่สิ้นสุดไปแล้วเมื่อ พ.ศ.2559 รวมทั้งสิ้น 4 สัญญา มีปริมาณข้าวรวม 925,000 ตัน . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง