ลำดับเหตุการณ์ชุมนุมบุกหน้าบ้านนายกฯ

กรุงเทพฯ 1 มี.ค.-การชุมนุมวานนี้ เป็นไปอย่างดุเดือดตั้งแต่ช่วงเย็น เจ้าหน้าที่ต้องใช้กระสุนยางเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่เป็นเพราะการชุมนุมไม่มีแกนนำ ทำให้เกิดเหตุชุลมุนและมีรถตำรวจถูกเผา


เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (28 ก.พ.) กลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันบริเวณเกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อเดินเท้าไปยังหน้าบ้านพักนายกรัฐมนตรี ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ โดยเจ้าหน้าที่ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งจากการสังเกตพบว่ามีมวลชนชาวเมียนมาที่ร่วมในการชุมนุมครั้งนี้ เพื่อแสดงจุดยืน

ส่วนบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต เจ้าหน้าที่ได้นำแผงรั้วเหล็กมัดด้วยลวดสลิง ปิดถนนพหลโยธินซอย 2 ซึ่งเป็นทางเชื่อมสู่ถนนวิภาวดี พร้อมนำรถฉีดน้ำแรงดันสูง 2 คัน รถสำรองน้ำ 1 คัน รถติดเครื่องขยายเสียง 1 คัน จอดประจำการณ์ มีตำรวจชุดปราบจราจลควบคุมพื้นที่ประมาณ 1 กองร้อยประจำการ พร้อมปิดช่องทางคู่ขนานถนนวิภาวดีที่จะมุ่งหน้าสู่กรมทหารราบที่ 1


จากนั้นเวลาประมาณ 17.30 น. ผู้ชุมนุมเดินทางไปถึงกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ โดยแกนนำได้ขึ้นรถขยายเสียงกล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาล จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่นำมาวางไว้เป็นแนวกั้นระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจชุดควบคุมฝูงชน โดยการชุมนุมแบ่งเป็น 3 จุด คือ หน้าประตูทางเข้ากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ซึ่งมีรถน้ำแรงดันสูงจอดอยู่ จุด 2 หน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. และจุดที่ 3 อยู่หน้าด่านเก็บเงินโทลล์เวย์

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นในช่วงค่ำได้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน บริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 1 ประมาณ 5 นาที ก่อนที่ตำรวจจะควบคุมผู้ชุมนุม 2-3 คน ขึ้นรถออกไปจากบริเวณที่ชุมนุมทันที แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุกระทบกระทั่ง มีแต่ผู้ที่โดนรั้วลวดหนามและรั้วสังกะสีบาด

จากนั้นเวลาประมาณ 20.50 น. ได้เกิดเหตุชุลมุนหน้าโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และมีเสียงดังคล้ายปืนขึ้นมา 1 นัด ทำให้มวลชนที่อยู่บริเวณดังกล่าวต้องแตกกระเจิง จากนั้นในเวลาประมาณ 21.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศยุติการชุมนุม โดยแจ้งผ่านทาง Facebook


อย่างไรก็ตาม การชุมนุมที่เกิดขึ้นไม่มีแกนนำ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนยังไม่ยอมยุติ ก่อนไปรวมตัวกันที่ปั๊มน้ำมันริมถนนวิภาวดีฯ ฝั่งตรงข้ามกับกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ โดยมีเจ้าหน้าที่เข้าไปกดดันให้ยุติการชุมนุม

หลังจากนั้นเมื่อเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าว รายงานจาก สน.ดินแดงว่า หลังจากที่มวลชนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมบางคนได้รวมตัวกันมากดดันตำรวจ อีกทั้งพบว่ารถกระบะสายตรวจถูกเพลิงไหม้ไป 1 คัน

เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนได้ตั้งแนวไล่กลุ่มผู้ชุมนุมไปอยู่บริเวณปากซอยประชาสงเคราะห์ 14 และประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการก่อความวุ่นวาย แต่ทางกลุ่มยังไม่ยอมถอย พร้อมกับมีการขว้างปาสิ่งของและยิงลูกแก้วใส่ตำรวจ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงยิงตอบโต้ด้วยกระสุนยางและเตรียมพร้อมเข้ากระชับพื้นที่ ซึ่งกลุ่มชุมนุมกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะใช้รถจักรยานยนต์ ขณะเดียวกันมีชาวบ้านในชุมชนที่ไม่พอใจการกระทำของผู้ชุมนุมออกมาอยู่ด้านหลังตำรวจเพื่อตอบโต้การกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มนี้

ต่อมาเวลา 01.30 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนตั้งแนวไล่กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ไปอยู่บริเวณปากซอยประชาสงเคราะห์ 14 พร้อมประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการก่อความวุ่นวาย แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่ยอมถอยและมีการขว้างปาสิ่งของ ยิงลูกแก้วใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้ตำรวจตอบโต้ด้วยการยิงกระสุนยางเข้าใส่ ก่อนเข้ากระชับพื้นที่และจับผู้ชุมนุมไว้ 1 คน ทำให้ผู้ชุมนุมที่เหลือ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้รถจักรยานยนต์พากันหลบหนี บอกว่าจะไปรวมตัวกันต่อที่ สน.สุทธิสาร แต่ยังไม่มีรายงานความเคลื่อนไหว

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมามีรายงานว่า ตำรวจ สน.ธรรมศาลา ยศ “ร้อยตำรวจเอก” ซึ่งเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนได้เกิดอาการหัวใจหยุดเต้น และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลราชวิถี โดยแพทย์รีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินแล้วทำซีพีอาร์ แต่ไม่เป็นผลและเสียชีวิตในห้องฉุกเฉิน.สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : ส่องทิศทางแห่งอำนาจ “รัฐบาลทรัมป์ 2.0”

รายงานพิเศษวันนี้ไปติดตามสิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาหาเสียงเอาไว้ ที่จะทำให้พอเห็นทิศทางการครองอำนาจของเขา โดยมีหลายอย่างที่จะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก

พาชมเรือใบอิตาลีจอดเทียบท่าภูเก็ต

เมื่อ 2 วันก่อน สำนักข่าวไทยเก็บภาพของเรืออเมริโกเวส ปุชชี่ ขณะกำลังจะเข้าจอดเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ตให้ได้ชมไปแล้ว วันนี้คุณเพลินพิศ ชูเสน จะพาไปทำความรู้จักเรือลำนี้ให้มากขึ้นพร้อมกับพาไปเยี่ยมชมภายในตัวเรือ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

นายกฯ เผยผลสำเร็จร่วมประชุมเวทีอนุภูมิภาค GMS ACMECS

“แพทองธาร” นายกฯ เผยผลสำเร็จร่วมประชุมเวทีอนุภูมิภาค GMS ACMECS ขับเคลื่อนความร่วมมือสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต การพัฒนาคุณภาพชีวิต และความกินดีอยู่ดีของประชาชนในภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อ