กรุงเทพฯ 1 ก.พ. – กระทรวงเกษตรฯ เปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้งประจำปี 2564 ซึ่งเป็นการปฏิบัติการที่ทำเร็วขึ้นกว่าแผนปกติ 1 เดือนเพื่อเร่งทำฝนในพื้นที่ที่มีปัญหาขาดแคลนน้ำและประสบมลพิษ PM2.5
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายให้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้งประจำปี 2564 พร้อมด้วย นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ และนายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ สนามบินนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีชุดปฏิบัติการของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร 7 ชุด ชุดปฏิบัติการฝนหลวงกองทัพอากาศ 1 ชุด ชุดปฏิบัติการฝนหลวงกองทัพบก 1 ชุด และชุดอากาศยานปีกหมุน 1 ชุดที่จะออกปฏิบัติการทั่วประเทศ
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งในปี 2564 มีแนวโน้มที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน จึงทำให้ส่งผลกระทบเรื่องการขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคน้ำเพื่อทำการเกษตร รวมถึงเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ที่มีปริมาณน้ำน้อยในขณะนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในฐานะหน่วยงานดูแลบริหารจัดการน้ำในชั้นบรรยากาศ เร่งปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้รวดเร็วมากขึ้น จากปกติที่มีการเริ่มปฏิบัติการฝนหลวงในวันที่ 1 มีนาคมของทุกปี มาเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร ประชาชนจากปัญหาขาดแคลนน้ำ และเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับระบบบริหารจัดการน้ำของประเทศด้วย
ด้าน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในปี 2564 มีแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง และสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ การเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่างๆ ของประเทศ ป้องกันการเกิดไฟป่าและบรรเทาปัญหาหมอกควัน รวมทั้งสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐานซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั่วไปพื้นที่ภาคเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ซึ่งจะปฏิบัติการจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม ที่ของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำ 5 ภูมิภาค 7 ศูนย์ ประกอบด้วย ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนบน
ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่ ณ สนามบินกองบิน 41 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ชนิด CASA จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกองทัพอากาศ ชนิด ALPHA JET จำนวน 1 และตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดตาก ณ สนามบินท่าอากาศยานตาก อำเภอเมือง จังหวัดตาก โดยมีเครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ชนิด CASA จำนวน 2 ลำ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนล่าง ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลก ณ กองบิน 46 อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีเครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ชนิด CASA 2 ลำ และชนิด Super King Air 1 ลำ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลางตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครสวรรค์ที่สนามบินนครสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีเครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ชนิด CARAVAN 2 ลำ และเครื่องบินของกองทัพบก ชนิด CASA 1 ลำ และตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี ที่สนามบินกาญจนบุรี ค่ายสุรสีห์ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีเครื่องบินของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ชนิด CARAVAN 2 ลำ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุดรธานี ที่สนามบินกองบิน 23 อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยมีเครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ชนิด CN 1 ลำ และ ตั้งฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดขอนแก่น ที่สนามบินท่าอากาศยานขอนแก่น อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีเครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ชนิด CARAVAN 2 ลำ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดระยองที่สนามบินอู่ตะเภา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดยมีเครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ชนิด CARAVAN 2 ลำ ส่วนศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้จะเปิดตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม
ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ณ กองบังคับการกองบิน 7 อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีเครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ชนิด CN 1 ลำ และ ตั้งหน่วยปฏิบัติการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ณ ท่าอากาศยานหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีเครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ชนิด CARAVAN 2 ลำ . – สำนักข่าวไทย