ทำเนียบฯ 26 ม.ค.- “อนุทิน” ระบุจัดหาวัคซีนโควิด-19 ไม่ล่าช้า เน้นความปลอดภัยสูงสุด ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบก่อนถึงประชาชน ยืนยันไม่เกี่ยวข้องการเมือง ไม่เอื้อประโยชน์ให้ใคร พร้อมตอบคำถาม “ธนาธร” ชี้หากกักตัวไม่ถูกต้อง หรือจัดปาร์ตี้ ให้สังคมประณาม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า วิจารณ์นโยบายการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลมีความล่าช้า โดยยืนยันว่าไม่ได้ล่าช้า และตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ หากไม่มีเหตุการณ์แพร่ระบาดที่ จ.สมุทรสาคร วัคซีนชุดแรกจะฉีดให้กับประชาชนได้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ ประเทศไทยโชคดีที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี ทำให้สามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและเลือกความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ดังนั้น วัคซีนที่จะนำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนจะต้องมีความปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลและผลการทดลองวัคซีนออกมาจำนวนมากและปรากฏอย่างชัดเจนว่า วัคซีนที่ไทยเลือกมาคือของแอสตราเซเนกา น่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ ภูมิประเทศ และคนไทยมากที่สุด ดังนั้น เมื่อมีวัคซีนที่สั่งจองแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกตัดออเดอร์ หรือการถูกแย่งชิงจากประเทศมหาอำนาจ
ส่วนที่นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงไม่อยากให้นำเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องกับการจัดหาวัคซีนนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯ น่าจะเป็นห่วงประชาชนมากกว่า จึงไม่อยากให้เรื่องนี้กลายมาเป็นประเด็นทางการเมือง ยืนยันตนเองและทีมงานของกระทรวงสาธารณสุขทุกคน ไม่เคยมองเรื่องวัคซีนเป็นเรื่องการเมือง หากได้วัคซีนมาโดยเร็ว ก็เป็นประโยชน์กับทุกคน รวมถึงตนเองด้วย พร้อมย้ำไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับใครหรือกลุ่มใด ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน กฎหมาย และหลักวิชาการ รวมถึงแพทย์ให้การรับรอง
ส่วนที่มีการเสนอให้ฉีดวัคซีนในวันที่ 14 ก.พ.นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะเป็นผู้ฉีดวัคซีนคนแรก อย่างไรก็ตาม เมื่อวัคซีนมาถึงไทยจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบความปลอดภัยจาก อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก่อน เพื่อให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัย หากฉีดให้กับประชาชน
ส่วนที่นายธนาธร ตั้งคำถาม 5 ข้อ เรื่องวัคซีคนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เพิ่งได้อ่านเมื่อเช้า เห็นว่านายธนาธรมีข้อสงสัยในหลายประเด็น และใช้ภาษาที่สุภาพ ดังนั้น จะตอบข้อสงสัยของนายธนาธร ตามช่องทางที่เขียนมา ด้วยถ้อยคำสุภาพเช่นกัน เพราะเมื่อให้เกียรติและเข้าใจกัน รวมถึงไม่มีเจตนาแอบแฝง ก็พร้อมที่จะชี้แจงตามข้อเท็จจริง ส่วนข้อแนะนำใดที่เป็นประโยชน์ ก็จะนำไปคิดหารือและนำไปปฏิบัติต่อไป เพื่อประโยชน์ของประชาชน
ส่วนที่โซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกักตัวของบางคนที่ระหว่างกักตัวได้ออกมาทำกิจกรรมภายนอกนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปดูข้อเท็จจริงว่า หากเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ต้องกักตัวทุกคน เพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัย ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อภายในประเทศ ต้องเฝ้าระวังและตรวจสอบอาการของตนเอง โดยต้องจำกัดสถานที่ และไม่ควรไปข้องเกี่ยวกับผู้อื่น เช่นเดียวกับที่ตนเองเคยปฏิบัติ เมื่อสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ส่วนที่บางคนไม่กักตัวตามที่แพทย์แนะนำ ก็ให้สังคมช่วยกันลงโทษ
ขณะเดียวกัน ที่มีกลุ่มนักแสดงจัดปาร์ตี้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 นั้นจะต้องมีการดำเนินคดีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กฏหมายไม่ได้กำหนดไว้ เพียงแต่มีข้อห้ามไม่ให้นั่งรับประทานอาหารที่ร้านและดื่มแอลกอฮอล์เกิน 21.00 น. ส่วนเรื่องการรวมกลุ่มสังสรรค์ ได้ขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยง ดังนั้น ขึ้นอยู่กับว่าใครจะให้ความร่วมมือ ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่ทำเช่นนั้น สังคมก็จะลงโทษ ไม่เคยว่างเว้นให้อยู่แล้ว โดยย้ำว่าทุกคนควรอยู่ด้วยจิตสำนึก เพราะหากใช้กฎหมายควบคุมทั้งหมด ก็อาจจะต้องล็อกดาวน์ ซึ่งก็จะทำให้ทุกอย่างแย่ ดังนั้น รัฐบาลทำได้เท่าที่ทำ และขอความร่วมมืออย่างเต็มที่ หากไม่ได้ก็ให้สังคมประณาม แต่หากพบว่าตรงไหนผิดกฏหมายก็ให้ดำเนินการ โดยขณะนี้กำชับและให้ตำรวจจัดสายตรวจเพิ่มเติม เพื่อดูแลความเรียบร้อย
ส่วนที่สมาคมภัตตาคารไทย เตรียมเสนอขอขยายเวลาเปิดร้านจาก 21.00 น. เป็น 23.00 น.นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า พร้อมที่จะพิจารณา แต่ต้องนำข้อเสนอมาดูว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยต้องสอดคล้องกับสถานการณ์และมาตรการของสาธารณสุข และส่วนตัวเห็นว่า หากเป็นไปได้อาจเสนอให้เปิดถึง 24.00 น. โดยต้องรอเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 29 ม.ค.นี้ รวมถึงการพิจารณาลดพื้นที่เสี่ยงด้วย.-สำนักข่าวไทย