กาญจนบุรี 24 ม.ค.-ปลากดคังในกระชังที่กาญจนบุรี ตายไม่ต่ำกว่า 100 ตัน ยังหาสาเหตุไม่ได้ เกษตรกรเร่งเก็บขึ้นฝั่งเกรงน้ำเสีย ส่วนหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม แจ้งมีไม่ต่ำกว่า 2,000 กระชัง หากจัดระบบต้องบูรณาการทั้งหมด ชาวบ้านจะเดือดร้อนมาก
กรณีเกษตรกรชาวบ้านผู้เลี้ยงปลากดคัง หมู่ที่ 2 บ้านปิล็อกคี่ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ไม่ต่ำกว่า 30 ราย ได้รับความเดือดร้อนจากปลากดคังที่เลี้ยงมากว่า 3 ปี ได้ลอยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ แม้เกษตรกรเร่งแก้ปัญหาโดยการให้ออกซิเจนและย้ายกระชังออกไปกลางอ่าว แต่ไร้ผล ปลาขนาดใหญ่มีตั่งแต่ 3 กิโลกรัม ไปจนถึง 8 กิโลกรัมได้ตายอย่างรวดเร็วนับ 100 ตัน จนต้องเร่งเก็บปลาขึ้นฝั่งไปกองรวมอยู่ริมตลิ่งยาวนับเป็นกิโลเมตร และยังไม่ทราบจะทำอย่างไร หากปล่อยให้อยู่ในน้ำอาจจะทำให้น้ำเสียได้ เจ้าของกระชังปลาเร่งเก็บกู้ขึ้นฝั่งจนวันที่ 5 ยังเก็บกู้ไม่หมด
เกษตรกรเจ้าของกระชังปลากดคัง บอกว่า วันนี้เป็นวันที่ 5 ของการเก็บซากปลาที่ลอยตายจากกระชังยังไม่เสร็จเนื่องจากปลามีจำนวนมากจริงๆ และเริ่มส่งกลิ่นเน่าคลุ้งหนักยิ่งขึ้นทุกวัน โดยเกษตรกรผู้เสียหายบอกว่าตอนนี้เร่งเก็บกู้เต็มที่แล้วหากหน่วยงานไหนจะมาจับทุกคนยอม เพราะได้ทำเต็มที่แล้วไม่ได้นิ่งนอนใจ
นายเทวิน มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า กระชังปลาที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมมีมากไม่ต่ำกว่า 2,000 กระชัง เป็นวิถีชาวบ้านที่อาศัยประกอบอาชีพทำประมงกัน หากจะดำเนินการต้องทุกหน่วยเข้ามาร่วมบูรณาการร่วมกัน แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากเพราะชาวบ้านดำเนินชีวิตมานานตั้งแต่มีการสร้างเขื่อน เวลานี้ได้จัดทำไม่ให้มีการเพิ่มมากกว่านี้เท่านั้น เพราะหากดำเนินการลงไปประชาชนก็จะเดือดร้อนจำนวนมาก
สำหรับปลากดคังของเกษตรกรได้ลอยตายเป็นจำนวนมาก อุทยานฯได้ประสานงานกับทางอำเภอทองผาภูมิ ไปแล้วให้ช่วยเข้าไปบริหารจัดการ ไม่เช่นนั้นปลาที่ตายอาจจะก่อให้เกิดเชื้อโรคตามมาในภายหลังได้ เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำสำคัญใช้อุปโภคบริโภค คนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงร่วมถึงกรุงเทพมหานครด้วย.-สำนักข่าวไทย