นราธิวาส 16 ม.ค.-ผู้ว่าฯ นราธิวาส แถลงสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2 ราย รายที่ 3 และรายที่ 4 ขณะที่ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่มีนาคม 2563 รวมทั้งสิ้น 47 ราย พร้อมสั่งเข้มงวดมาตรการควบคุมตามแนวชายแดน 24 ชั่วโมง ป้องกันผู้ลักลอบผ่านด่านธรรมชาติ
วันนี้ ( 16 ม.ค.64) ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย นายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส (COVID-19) จังหวัดนราธิวาส ระลอกใหม่ โดยศูนย์ EOC COVID-19 สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส
นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จังหวัดนราธิวาส ซึ่งพบผู้ติดเชื้อไวรัส (COVID-19) เพิ่มขึ้น 2 ราย เป็นรายที่ 3 และรายที่ 4 ของการระบาดระลอกใหม่ ทำให้มีผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 47 ราย นับตั้งแต่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา
สำหรับผู้ป่วยใหม่ 2 ราย รายแรกเป็นเพศหญิง มีภูมิลำเนาจังหวัดเชียงราย ได้ไปทำงานในประเทศมาเลเซีย มีการลักลอบเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ และได้เข้ารับการตรวจรักษา ที่ห้องแยกโรคโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก รายที่ 2 เป็นเพศชาย เป็นคนจังหวัดนราธิวาส แต่ไปทำงานในโรงงานผลิตและส่งออกอาหารกระป๋อง ในจังหวัดสมุทรสาคร สำหรับการระบาดระลอกใหม่ จังหวัดนราธิวาส มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัส (COVID-19) 4 ราย จัดเป็นพื้นที่ระวังสูง (มีผู้ป่วยไม่เกิน 10 ราย และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้) คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาส จึงได้ออกคำสั่งจังหวัดนราธิวาส 3 ฉบับ ลงวันที่ 4 มกราคม 2564 ว่าด้วยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 มาตรการควบคุมตลาดและถนนคนเดิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 การจัดตั้งด่านตรวจ/จุดสกัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019
เน้นย้ำหากไม่มีความจำเป็นในระยะนี้ ให้ชะลอการเดินทางข้ามเขตจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พร้อมกันนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการเดินทางของประชาชนตามด่านตรวจต่างๆในพื้นที่ เพื่อร่วมกันป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019
ทางด้านนายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงกรณีที่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 2 ราย และนับเป็นผู้ป่วยสะสมรายที่ 46 และ 47 และเป็นผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่รายที่ 3 และรายที่ 4 ขณะนี้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก 1 ราย และพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ 1 ราย ทั้ง 2 รายนี้ เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง
สำหรับผู้ป่วยรายที่ 3 เป็นเพศหญิง อายุ 29 ปี จากการสอบสวนพบว่า ผู้ป่วยมีภูมิลำเนาเดิมจังหวัดเชียงราย ประกอบอาชีพ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เดินทางเข้าประเทศไทย ในวันที่ 10 มกราคม 2564 ทางท่าเรือท่าทราย ม.7 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และจากการตรวจสอบไทม์ไลน์พบว่ามีผู้สัมผัสผู้ป่วยรายนี้ 16 ราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 15 ราย เก็บตัวอย่าง 14 ราย รอผลตรวจ และไม่ได้เก็บตัวอย่าง 1 ราย เนื่องจากเป็นชาวมาเลเซีย ขณะที่ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 1 ราย ไม่ได้เก็บตัวอย่างเนื่องจากเป็นชาวมาเลเซีย
สำหรับผู้ป่วยรายที่ 4 เป็นเพศชาย อายุ 20 ปี เป็นคนในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ประกอบอาชีพเป็นพนักงานและส่งออกอาหารกระป๋อง ที่จังหวัดสมุทรสาคร พักอาศัยอยู่ในหอพักพร้อมภรรยาและลูกสาว เมื่อมีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร บริษัทฯได้ประกาศหยุดกิจการชั่วคราว จึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดนราธิวาสโดยรถไฟ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2564 และถึงบ้านใน อ.รือเสาะ วันที่ 9 มกราคม 2564 และจากการตรวจสอบไทม์ไลน์พบว่ามีผู้สัมผัสผู้ป่วยรายนี้ 29 ราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 24 ราย พบตัวและเก็บตัวอย่างตรวจ 6 ราย (ภรรยา บุตรสาว แม่ยาย เจ้าหน้าที่คัดกรอง และอสม. 2 คน ) รอผลตรวจอีก 18 ราย และมีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 5 ราย
และจากกรณีผู้ป่วยใหม่ 2 ราย การเดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค เช่น ประเทศมาเลเซีย และจังหวัดที่มีการระบาด ซึ่งขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างเคร่ง ด้วยการ D Distancing : เว้นระยะห่างกัน 1-2 เมตร M Mask wearing : สวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อออกจากบ้านไปในที่สาธารณะ H Hand washing : ล้างมือให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ T Testing : ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ก่อนเข้า-ออกทุกสถานที่ หรือตรวจหาเชื้อ (เฉพาะผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน) T Thai cha na : ลงชื่อสแกนไทยชนะทุกสถานที่ที่ไป หากมีการระบาดในสถานที่นั้นๆ จะได้ตามตัวได้ และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัดจะเป็นตัวช่วยอย่างดี ที่จะทำให้คนนราธิวาสปลอดโรค จังหวัดนราธิวาสปลอดภัยจาก COVID-19 .-สำนักข่าวไทย