กทม. 13 ธ.ค.- ญาติรับศพเหยื่อเคนมผง รายที่ 7 ไปประกอบพิธีทางศาสนา แม่ไม่รู้มาก่อนว่าลูกชายติดยา แพทย์ระบุสาเหตุการตายมาจากระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว หลังปั๊มหัวใจถึง 4 ครั้ง
ครอบครัวของชายอายุ 32 ปี ที่เสียชีวิตเป็นรายที่ 7 จากการเสพยาเสพติดเกินขนาด ติดต่อขอรับศพลูกชาย ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ หลังนำร่างมาตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิต บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศก ญาตินิมนต์พระสงฆ์จากวัดไทร มาทำพิธี โดยญาติจะนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดไทร ย่านบางคอแหลม เป็นเวลา 3 วัน
มารดาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (10 ม.ค.) ชาวบ้านเห็นลูกชายล้มฟุบอยู่บริเวณปากซอยบ้าน หลังกลับมาจากสังสรรค์กับเพื่อนข้างนอก จึงมาตามตนให้ไปพาตัวกลับบ้าน ตอนนั้นลูกชายยังมีสติดี และมีอาการมึนเมาเหมือนดื่มสุราปกติ และได้พาไปนอนพักผ่อนที่ชั้น 2 ของตัวบ้าน ตอนนั้นก็ได้ยินเสียงกรนของลูกชาย ก็ไม่ได้เอะใจ กระทั่งช่วงบ่าย 3 วันเดียวกัน จึงมาปลุก ปรากฎว่าตัวเย็นแล้ว และไม่หายใจ จึงรีบเรียกรถพยาบาล เมื่อมาถึงที่โรงพยาบาล แพทย์พยายามปั๊มหัวใจจนชีพจรกลับมา แต่อาการยังโคม่า เนื่องจากสมองขาดออกซิเจน แพทย์แจ้งว่าโอกาสรอดมีแค่ 20% เพราะอีก 80% สมองได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะที่อยู่โรงพยาบาล แพทย์ต้องปั๊มหัวใจถึง 4 ครั้ง เมื่อนำปัสสาวะไปตรวจ แพทย์แจ้งว่า พบสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งตนไม่ทราบมาก่อนว่าลูกชายเสพสารเสพติด เพราะลูกชายไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าวภายในบ้าน ปกติก็ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างและกินเหล้าเมากลับมาปกติ ซึ่งคนในครอบครัวไม่รู้ว่าไปเสพยาเคนมผง จึงอยากฝากเตือนว่า อย่าไปยุ่งกับยาเสพติด เพราะไม่อยากให้เกิดขึ้นกับครอบครัวอื่นอีก
เบื้องต้นทางครอบครัวผู้เสียชีวิตจะนำศพไปตั้งสวดอภิธรรมเป็นเวลา 3 วัน ที่วัดไทร พระราม 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ
ขณะที่แพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า มาจากระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว
สำหรับผู้เสียชีวิตรายนี้ เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 7 จากการเสพเคนมผง ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ โดยเป็นผู้เสียชีวิตในท้องที่ สน.วัดพระยาไกร ซึ่งญาติพบว่าหมดสติภายในบ้านพัก เมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (10 ม.ค.) ก่อนนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ทำการปั๊มหัวใจจนชีพจรกลับมา กระทั่งเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (12 ม.ค.) ได้เสียชีวิตลง.-สำนักข่าวไทย