หนุ่มหลอนยาคลั่ง จุดไฟเผาสรีระหลวงปู่เปียก

ชุมพร 8 ม.ค.-หนุ่มเมายาบ้าหลอนบุกราดน้ำมันจุดไฟเผาสรีระสังขาร “หลวงปู่เปียก” นานครึ่งชั่วโมง ไม่ระคายผิว พระเห็นลูกวัดช่วยกันดับ ก่อนลามไหม้มณฑป ชาวบ้านรุมสาปแช่ง เตรียมจัดพิธีทำบุญใหญ่


เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแซะ ควบคุมตัว นายศักดิ์หฤษฎ์ หรือนุ๊ก มาน้อย อายุ 26 ปี มาสอบสวนดำเนินคดี หลังเมื่อช่วงเวลา 07.02 น. วันเดียวกัน มีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพ ชายนุ่งกางเกงขาสั้นลายพราง ไม่ใส่เสื้อ มีรอยสักเต็มแผ่นหลัง เดินถือมืดพร้าแบบมีด้ามและถังใส่น้ำมันบุกเข้าไปในมณฑป ข้างโบสถ์ ภายในวัดนาสร้าง ตำบลท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร แล้วใช้มีดพร้าทุบโลงแก้วจนแตกจากนั้นราดน้ำมันจุดไปเผาสรีระสังขารหลวงปู่เปียก เกจิอาจารย์ชื่อดังของ จ.ชุมพร ที่เก็บสรีระสังขารไว้ตั้งแต่มรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2505 สำหรับนายศักดิ์หฤษฎ์ มีอาการติดยาบ้าอย่างหนักจนหลอน เมื่อนำตัวไปตรวจหาสารเสพติดพบปัสสาวะเป็นสีม่วง

จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าช่วงเย็นวันที่ 7 ม.ค.64 ตนได้เสพยาบ้าเข้าไป 2 เม็ด จนกระทั่งตอนเช้ามืด ฝันว่ามีหลวงพ่อแพงซึ่งได้สระสังขารนานแล้วมาเข้าฝันบอกให้ตนเองไปเผาสังขารของหลวงปู่เปียก ที่วัดนาสร้าง จากนั้นเมื่อตนตื่นมาตอนเช้าจึงขับรถจักรยานยนต์และนำเอามีดพร้าติดตัวมาด้วย ไปซื้อน้ำมันเบนซินจากร้านค้าในหมู่บ้าน จำนวน 1 ลิตร ใส่แกนลอน แล้วขับมุ่งหน้าไปที่วัดนาสร้าง แล้วเดินเข้าไปในมณฑปใช้มีดพร้าทุบกระจกโลงแก้วที่เก็บสรีระสังขารหลวงปู่เปียกจนแตกแล้วราดน้ำมันเบนซินจุดไปเผา จากนั้นได้วิ่งออกมาเจอพระสงฆ์รูปหนึ่งเข้ามาขวางจึงกระโดนถีบและชกไปหนึ่งครั้ง ก่อนจะวิ่งไปขับรถจักรยานยนต์หลบหนี ไปอยู่บ้านพี่สาวในพื้นที่ตำบลทรัพย์อนันต์ กระทั้งตำรวจมาตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น, ทำให้เสียทรัพย์, และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)โดยผิดกฎหมาย


ต่อมาเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน นายจารึก แก้วแสงอ่อน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ชุมพร ได้เดินทางไปขอเข้าพบ พระครูศรีสนคุณ เจ้าอาวาดวัดนาสร้าง เพื่อตรวจสอบรายละเอียดและความเสียหาย โดยมีเจ้าหน้าที่ยังคงทำความสะอาดเขม่าไฟและสรีระสังขารของหลวงปู่เปียกอยู่ภายในพระอุโบสถ โดยห้ามบุคคลภายนอกและผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป เนื่องจากกังวลว่าจะมีการใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสมแล้วนำไปลงในสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่มีชาวบ้านจำนวนมากที่ทราบข่าวทยอยเดินทางกันมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสาปแช่งคนร้ายที่บุกมาจุดไฟเผาสรีระสังขารหลงปู่เปียกที่เก็บไว้ในโลงแก้วนานหลายปีแล้ว

ด้านพระจรูญ อาสโภ พระลูกวัดกล่าวว่า ตอนเกิดเหตุกำลังกวาดเก็บขยะอยู่ใกล้ๆกับโบสถ์และมณฑปเก็บสรีระสังขาร เห็นคนร้าย ถือมีดพร้าและแกนลอน จึงคิดว่าเป็นชาวสวนมากราบไหว้หลวงปู่เปียก ก็ไม่ได้เอะใจไม่นานเห็นลูกไฟติดพริบพุ่งออกมาจากมณฑป จึงวิ่งเข้าไปดูเห็นคนร้ายวิ่งสวนออกมาแล้วกระโดนถีบและชกต่อยอาตมา และวิ่งไปขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว จึงเรียกพระลูกวัดมาช่วยกันดับไฟ ใช้เวลานานประมาณครึ่งชั่วโมงไฟจึงมอดสนิท ปรากฏว่าไฟได้ไหม้เพียงจีวรที่ห่อสรีระสังขารของหลวงปู่เปียกเท่านั้น ส่วนสังขารมีเพียงคราบดำๆจากเขม่าควันไฟจึงถือว่าโชคดีอย่างมาก

นายสมบูรณ์ แก้วเจริญ อายุ 75 ปี ไวยากรวัดกล่าวว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องสะเทือนใจของชาวบ้านในพื้นที่และจังหวัดชุมพรอย่างมาก โดยสังขารหลวงปู่เปียกได้เก็บไว้ในโลงแก้วมาตั้งแต่หลวงปู่มรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2505 เป็นเวลา 59 ปีแล้ว เป็นพระสายพุทธคุณ และพระนักปฏิบัติธรรม และเป็นช่างศิลป์ ซึ่งพระพุทธรูปปางต่างๆ หลักใบเสมา สธูป เจดีย์ ภายในวัดหลวงปูเปียกจะเป็นผู้สร้างและหล่อด้วยตนเองทั้งหมด เป็นเกจิอาจารย์ที่ชาวบ้านเครพศรัทธาจำนวนมากนักสะสมพระเครื่องรุ่นต่างๆ หาเก็บไว้บูชา โดยเฉพาะเหรียญรุ่นเสมาแสงอาทิตย์ สร้างเมื่อปี พ.ศ.2505 มีพุทธคุณล้ำเลิศ ปัจจุบันหามาบูชาไม่ได้อีกแล้วและมีราคาแพงมาก


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์และความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่เปียก ที่คนร้ายบุกมาเผาสรีระสังขารของท่าน ไฟลุกไหม้นานครึ่งชั่วโมงกว่าจะช่วยกันดับสนิท แต่ไฟไหวเพียงเฉพาะจีวรที่หุ้มสังขารจนหมดเกลี้ยง แต่สรีระสังขารไม่ได้รับความเสียหายยังคงอยู่สภาพเดิม หลังจากพ้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว จะต้องมาการจัดงานพิธีบำเพ็ญบุญครั้งใหญ่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้านและศิษยานุศิษย์

สำหรับประวัติโดยย่อ พระครูอนุกูลกิจการ หลวงพ่อเปียก (เปียก ปทุโม) วัดนาสร้าง หลังจากท่านมารณภาพได้เพียง 7 วัน สังขารของท่านกลับแข็งราวกับเป็นหิน เมื่อปี พ.ศ.2505 และเก็บสรีระสังขารใส่โลงแก้วไว้จนถึงปัจจุบัน หลวงปู่ท่านเกิดในตระกูลชั้นสูง เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 8 ปี มะเส็ง พุทธศักราช 2435 ครั้ง เมื่ออายุ 15 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดตานาเมือง ตำบลคุริง อำเภอท่าแซะ เพื่อให้ได้ศึกษาหนังสือไทย และพุทธศาสนา กับพระอาจารย์หนู ครั้งอายุล่วงได้ครบ 20 ปี จึงทำการอุปสมบทเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2455 ณ วัดนาสร้าง โดยมีพระครูวาทีธรรมรส วัดสุบรรณิมิตร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการสิน เป็น พระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปทุโม”

หลวงพ่อเปียก ปทุโม “ท่านปั้นพระด้วยพระ เพื่อความเป็นพระ” หมายความว่า ท่านเป็นผู้มีจิตใจอันบริสุทธิ์ เป็นพระอยู่แล้ว ท่านปั้นพระพุทธรูปขึ้นมาเพื่อเพิ่มความเป็นพระในใจท่านให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น วัดนาสร้างจึงมีศิลปกรรมอันควรแก่การทัศนา หลวงปู่เปียกมรณภาพเมื่อพุทธศักราช 2505 สิริรวมอายุ 70 ปี 50 พรรษา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง