กรุงเทพฯ 30 ธ.ค. – ตำรวจนครบาลพร้อมดูแลประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวปีใหม่ เตือนสาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุคือไม่สวมหมวกกันน็อก ขับเร็ว และขับรถขณะเมาสุรา
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมทีมรองโฆษก แถลงข่าวการรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า บชน. จัดแนวทางมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ป้องกันพี่น้องประชาชนจากโรคโควิด-19 รวมถึงโครงการฝากบ้าน 4.0 ที่ ผบ.ตร. มอบเป็นของขวัญให้ประชาชน โดยจะระดมกวาดล้าง ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม ถึง 3 มกราคม ในเรื่องคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ในเคหสถาน การเดินทางรถไฟฟ้าหรือขนส่งมวลชน กวาดจับตามหมายจับค้างเก่า กวาดล้างเงินกู้นอกระบบ ตรวจค้นยานพาหนะขนย้ายยาเสพติด อาวุธปืน วัตถุระเบิด กวดขันความผิดพลุ ป้องกันจับกุมการแข่งขันรถในทางที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน ตรวจตราป้องกันทำร้ายร่างกายในสถานพยาบาล ซึ่งจะให้ 88 สน. ดำเนินการอย่างเคร่งครัด
ส่วนการป้องกันโควิด-19 ได้ร่วมกับ กทม. และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตั้งด่านร่วม 5 จุด สกัดป้องกันการเคลื่อนย้ายบุคคล มีผลต่อการเผยแพร่ระบาดโรค ด้วยการตั้งด่านบริเวณรอยต่อกับ จ.สมุทรสาคร ได้แก่ บริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 3 หน้ามหาวิทยาลัยเอเซีย ปั๊ม ปตท.ขาเข้า คลองวิทยาลงกรณ์ หน้าโรงเรียนศึกษานารี นอกจากนี้จัดชุดเฉพาะกิจตรวจตรา 4 สถานที่ คือ สนามม้า สนามชนไก่ สถานบริการ และสถานที่คล้ายสถานบริการ
ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. กล่าวว่า โครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชน หรือโครงการฝากบ้าน 4.0 โดยใช้เทคโนโลยี ซึ่งประชาชนสามารถโหลดแอปพลิเคชันได้ทั้งระบบ ios และ Android พิมพ์คำว่า OVS เมื่อโหลดมาแล้วให้ลงทะเบียน จะมีปุ่มแชร์โลเกชันบ้าน เมื่อกดจะเข้าไปสู่ระบบของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่นครบาลได้ทันที
สำหรับแนวทางมาตรการอำนวยความสะดวกการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครช่วงเทศกาลปีใหม่ ประชาชนเริ่มเดินทางตั้งแต่คืนวันที่ 25 ธันวาคม และเช้าวันเสาร์ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา และจะมีการเดินทางในช่วงเย็นวันนี้คาดการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะจะลดลงประมาณ 20% สังเกตจากจำนวนการจองตั๋วเดินทางกลับบ้านที่ลดน้อยลงจากปีที่แล้ว และปีนี้จะมีจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ จะไม่มีการตั้งด่าน แต่จะอยู่รวมในจุดคัดกรองโควิด-19 ใน 5 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร เน้นขอให้มีการสวมหมวกนิรภัย ขอความร่วมมืออย่าข้บรถเร็ว และกรณีเมาไม่ขับ .-สำนักข่าวไทย