ญาติโวยหนุ่มวัย 22 ปี เสียชีวิตคา รพ. หลังถูกวางยาสลบ

สมุทรปราการ 15 ธ.ค. – ญาติหนุ่มวัย 22 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุ โวยหลังเสียชีวิตคาโรงพยาบาล ขณะเข้ารับยาสลบเพื่อผ่าตัด พร้อมตั้งข้อสังเกตลายเซ็นยินยอมผ่าตัดไม่ใช่ของญาติและผู้ตาย ด้านโรงพยาบาลโต้กลับเป็นลายเซ็นผู้ตาย


คดีนี้เกิดขึ้นจากกรณีมีญาติของนายอดิศร จิตต์มั่น อายุ 22 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุแล้วเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลประจำอำเภอแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2563 โดยมีการผ่าตัด 2 ครั้ง ครั้งแรกในวันที่ 11 ธันวาคม 2563 แพทย์ได้ทำการวางยาสลบและผ่าตัดช่องท้อง เพราะมีบาดแผลฉีกขาดที่ลำไส้ 4 จุด และครั้งที่ 2 ในวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ผ่าตัดกระดูกขาหัก จากนั้นนายอดิศร กลับมีความดันลดลงและเสียชีวิต หลังจากแพทย์ทำการบล็อกหลัง (ฉีดยาเฉพาะจุด) เพื่อจะทำการผ่าตัดกระดูกขาที่หัก

ทางญาติพี่น้องติดใจในการตายของนายอดิศร เพราะก่อนผ่าตัด ผู้ตายอาการไม่สาหัสขนาดจะต้องตาย และยังต้องข้อสังเกตว่า ลายเซ็นยินยอมการผ่าตัดกระดูกขานั้นไม่เหมือนลายเซ็นของพ่อผู้ตายที่ไปเซ็นเป็นพยานในวันก่อนผ่าตัด


วันนี้ (15 ธ.ค.) พี่สาวของผู้เสียชีวิตได้เดินทางไปที่ สภ.บางบ่อ เพื่อขอลงบันทึกประจำวันว่าติดใจในการตายของนายอดิศร และให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคลี่คลายข้อสงสัยให้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังผู้อำนวยการโรงพยาบาล และพาพี่สาวของผู้ตายไปเจรจากันที่โรงพยาบาลเกิดเหตุ โดยใช้เวลาเจรจากันประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่พี่สาวของผู้ตายจะออกมาเปิดเผยว่า ถึงแม้ทางโรงพยาบาลจะออกมาชี้แจง แต่ตนก็ยังติดใจในการตายของน้องชายอยู่หลายอย่าง โดยทางโรงพยาบาลแจ้งว่า ต้องรอผลพิสูจน์การตายโดยละเอียดว่าตายจากสาเหตุใดกันแน่ ซึ่งหากเหตุผลที่โรงพยาบาลอ้างสอดคล้องกับพยานหลักฐาน ทางญาติก็จะยอมรับ

จากนั้นทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ นพ.นนท์ จินดาเวช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ได้แถลงข่าวในเรื่องนี้ว่า การรักษาเป็นไปตามขั้นตอนของแพทย์ทุกขั้นตอน ส่วนกรณีที่นายอดิศรเสียชีวิตนั้น เพราะมีความดันลดต่ำลง หลังจากที่ทีมแพทย์ให้ยาสลบแบบบล็อกหลัง และเสียชีวิตลงก่อนแพทย์จะทำการผ่าตัดกระดูกที่ขา โดยยืนยันว่า ผู้ตายอายุ 21 ปี บรรลุนิติภาวะแล้ว เป็นคนเซ็นยินยอมให้ผ่าตัดเอง โดยมีพ่อของผู้ตายเซ็นเป็นพยาน และยืนยันว่าไม่มีการปลอมแปลงลายเซ็นญาติของผู้ตายแน่นอน

รายงานของทางโรงพยาบาล ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาให้พ่อของผู้ตายดูลายเซ็นแล้ว ก็ยอมรับว่าเป็นลายเซ็นของผู้ตาย ส่วนเรื่องการเยียวยานั้น ผู้ตายเป็นผู้ประกันตน ก็คงให้ทางประกันสังคมเยียวยาในเบื้องต้นตามกฎหมาย และจะมีการตั้งกรรมการสอบในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องความผิดพลาดหรือความคลาดเคลื่อนเกิดจากจุดไหน ต้องรอผลชันสูตรการตายก่อน


ด้านพ่อและพี่ชายมารับศพนายอดิศร ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า พ่อร่ำไห้ตลอดเวลา ขณะที่นำร่างลูกชายขึ้นรถ เพื่อไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ

นายอดุลย์ จิตต์มั่น อายุ 54 ปี พ่อของนายอดิศร เปิดเผยว่า ยังติดใจสาเหตุการตายของลูกชาย เพราะหลังจากที่มีการผ่าตัดลำไส้ที่เกิดจากอุบัติเหตุไปแล้วนั้น ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ในช่วง 7 วัน ลูกชายนอนพักฟื้นอยู่ มีอาการดีขึ้น สามารถพูดจาได้เป็นปกติ จนกระทั่งเมื่อวันจันทร์ (14 ธ.ค.) แพทย์ได้นัดผ่าตัดกระดูกขา โดยตนเองไม่ได้เซ็นเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น จนมีการนำตัวลูกชายเข้าห้องผ่าตัด หลังจากผ่านไปไม่ถึง 15 นาที เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแจ้งว่า ลูกชายอาการไม่ดี หยุดหายใจแล้ว ตนเองและภรรยาถึงกับช็อก เพราะก่อนเข้าห้องผ่าตัดยังได้พูดคุยกับลูกชาย พร้อมกับยกมือชูนิ้วส่งสัญญาณให้ตนเองว่าสู้ๆ ซึ่งไม่ได้มีอาการที่บ่งบอกว่าจะเป็นอะไร ยอมรับว่าติดใจการเสียชีวิตของลูกชายในครั้งนี้ โดยยืนยันว่าจะดำเนินการหาผู้รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นให้ถึงที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีก

ด้านนายชูเกียรติ ศิริโภคา พี่ชายของผู้ตาย ระบุว่า เหตุใดแพทย์จึงไม่ใช้วิธีการดมยาสลบ เพราะตนเองเชื่อว่ามีความปลอดภัยมากกว่าการใช้วิธีบล็อกหลัง เนื่องจากน้องชายของตนเองยังมีอาการบาดเจ็บจากการผ่าตัดลำไส้ และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลข้างเคียง จนทำให้น้องชายเสียชีวิต และจนถึงขณะนี้ทางโรงพยาบาลยังไม่แจ้งสาเหตุการเสียชีวิตของน้องชายที่ชัดเจนแต่อย่างใด ตนเองได้รับแจ้งแต่เพียงว่า มีลิ่มเลือดอุดตัน ทำให้ระบบหายใจล้มเหลวเท่านั้น. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็น-อีสานอุณหภูมิลดลงอีกเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อยในภาคอีสาน ส่วนภาคเหนือตอนบน ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : ส่องทิศทางแห่งอำนาจ “รัฐบาลทรัมป์ 2.0”

รายงานพิเศษวันนี้ไปติดตามสิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาหาเสียงเอาไว้ ที่จะทำให้พอเห็นทิศทางการครองอำนาจของเขา โดยมีหลายอย่างที่จะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก

พาชมเรือใบอิตาลีจอดเทียบท่าภูเก็ต

เมื่อ 2 วันก่อน สำนักข่าวไทยเก็บภาพของเรืออเมริโกเวส ปุชชี่ ขณะกำลังจะเข้าจอดเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ตให้ได้ชมไปแล้ว วันนี้คุณเพลินพิศ ชูเสน จะพาไปทำความรู้จักเรือลำนี้ให้มากขึ้นพร้อมกับพาไปเยี่ยมชมภายในตัวเรือ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว