อาคารเอเชียบิวดิ้ง 8 ธ.ค.-พรรคกล้าเปิดแนวคิด 8 ประตูนำเป๋าตังเป็นเป๋าโต ขยายผลโครงการคนละครึ่ง ดันเป็นแพลตฟอร์มแห่งชาติ สู้ต่างชาติ ใช้พฤติกรรมการใช้เงินต่อยอดผู้ประกอบการ สร้างเครดิตผู้ใช้เงิน
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค และทีมเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับแนวคิด 8 ประตูนำเป๋าตังเป็นเป๋าโต ขยายผลโครงการ “คนละครึ่ง” ของรัฐบาล เพื่อเป็น “SuperApp” สำหรับประชาชนคนไทยทุกคน โดยนายกรณ์ กล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวเกิดจากความต้องการเติมความสามารถของแอพเป๋าตัง และโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล ที่ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จากระดับฐานราก เราเพิ่มความสามารถแอปให้มากขึ้นจะเป็นเครื่องมือของภาครัฐในการให้บริการประชาชนได้อย่างหลากหลายมากขึ้น
นายกรณ์ กล้าวว่า สำหรับ 8 แนวทางสู่การพัฒนา ประกอบด้วย 1.ประตูเปิดสู่ National e-Marketplace แรกของคนไทย 2.ประตูเปิดสู่ การหยุดข้อมูลรั่วไหลไปสู่ Platform ต่างชาติ 3.ประตูเปิดสู่ การเข้าถึง Data เพื่อทุกธุรกิจ 4.ประตูเปิดสู่ การไม่เสียค่า GP 5.ประตูเปิดสู่ ระบบเงินกู้ที่ทุกคนเข้าถึงได้ โดยประเมินจาการใช้จ่ายของแต่ละคนผ่านแอป 6.ประตูเปิดสู่การเป็น Digital ID ของคนไทยทุกคน เพื่อการติดต่อสถานที่ราชการ โดยไม่ต้องมีเอกสารมากมาย 7.ประตูเปิดสู่ การเข้าถึงทุกสวัสดิการของรัฐ เข้าถึงข่าวสารของรัฐบาล แจ้งเตือนสวัสดิการ โดยเฉพาะการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ในอนาคต ที่สามารถจองเวลาการฉีดวัคซีนได้ และ 8.ประตูเปิดสู่การรับสิทธิอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้ง 8 แนวคิดดังกล่าวจะเป็นเสมือนประตูสู่ศตวรรษที่ 21 ด้วยการเป็น National Platform และนำไปสู่การปฏิรูประบบราชการ
นายวรวุฒิ อุ่นใจ กล่าวว่า แนวคิดนี้ นับเป็นการเปิดประตูแห่งโอกาส โดยใช้มือถือในการสร้างอาชีพต่อยอดจากผู้ใช้แอพเป๋าตังในปัจจุบัน สู่การได้ประโยชน์ต่อประชาชนในอุตสาหกรรมที่หลากหลายทั่วประเทศ โดยเป๋าตังค์จำเป็นต้องเป็นโครงสร้างพื้นฐานช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศด้วยดิจิตัล
“เราใช้โอกาส จากโครงการคนละครึ่ง ที่ประชาชนเปิดใจยอมรับเศรษฐกิจดิจิทัล ขยายฐานผู้ใช้ กระจายข้อมูลสู่ผู้ประกอบการและเชื่อมโยงส่วนกลาง เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม ลดอุปสรรคการนำสินค้าเกษตร soft power งานฝีมือส่งตรงถึง มือผู้บริโภคและต่างประเทศ เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงสวัสดิการแห่งรัฐด้วยการยืนยันตัวตนที่มีฐานข้อมูลจากเป๋าตังในครั้งนี้แล้ว เป็นเครื่องมือกระจายสิทธิต่อเฉพาะตัวบุคคล” นายวรวุฒิ กล่าว
นายวรวุฒิ กล่าวว่า ต้องเปลี่ยนจำนวนผู้ใช้ในแอปเป๋าตัง 10 ล้านคน ใช้เม็ดเงินไป 50,000 ล้านบาท หากไม่พัฒนาต่อ ถือว่าเสียโอกาส รัฐบาลต้องสร้าง E-marketplace ทำให้ร้านต่าง ๆ สามารถขายตรงทั้งในและต่างประเทศ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าแผงลอยให้ขายของออนไลน์ได้ ทั้งนี้ ต้องร่วมมือกับผู้ให้บริการขนส่งสินค้า
ทีมเศรษฐกิจพรรคกล้า ระบุว่า สิ่งสำคัญต้องเปิดเผยและทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลของภาครัฐที่เข้าถึงได้น้อยมาก รองลงมาคือข้อมูลภาคเอกชนและข้อมูลสถาบันและงานวิจัย รวมทั้งแก้ไขกฎระเบียบที่ยุ่งยากในการดึงข้อมูล และมีการอับเดทอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้รัฐบาลส่งเสริมการลดค่า GP หรือ Gross Profit คือ ค่าคอมมิชชั่นที่ร้านอาหารต้องจ่ายให้กับแอปสั่งอาหาร
“นับเป็นค่าดำเนินการที่ทางแพลตฟอร์มเรียกเก็บด้วยการส่งเสริม Platform คนไทย ทำให้ผู้ประกอบการได้รับเงินเร็ว รัฐบาลสนับสนุนเงินทุนแก่ผู้ประกอบการ เพื่อลดค่า GP ที่ประชาชนต้องเสีย จะกระตุ้นให้ประชาชนใช้บริการมากขึ้น ส่วนปัญหาเรื่องการใช้เทคโนโลยี เนื่องจากผู้สูงอายุทำไม่เป็น ต้องไปตู้เอทีเอ็มของธนาคาร หากพัฒนาระบบกระเป๋าตังมาเป็นแอปที่ใช้งานประจำวัน จัดถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ใช้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ทีมเศรษฐกิจพรรคกล้า ระบุ.-สำนักข่าวไทย