กรุงเทพฯ 3 ธ.ค. – “ศักดิ์สยามลิสซิ่ง” ปลื้มนักลงทุนแห่จองหุ้น IPO ดีเดย์เตรียมเข้าเทรด 8 ธ.ค.นี้ ผู้บริหารมั่นใจก้าวสู่ผู้นำให้บริการสินเชื่อรายย่อย
นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย เปิดเผยว่า นักลงทุนจองหุ้น IPO 546 ล้านหุ้นผลตอบรับดีเยี่ยม สะท้อนความเชื่อมั่นก้าวสู่ผู้นำให้บริการสินเชื่อรายย่อยระดับชาติ ชูแผนธุรกิจโดดเด่นเป้าเติบโตเท่าตัวทุกมิติภายในปี 2566 ขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท และจำนวนสาขาเป็น 1,119 แห่ง พร้อมลงทุนเทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน รับแนวโน้มความต้องการสินเชื่อรายย่อยที่เพิ่มขึ้น สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ SAK มีเป้าหมายสร้างการเติบโต โดยตั้งเป้าปี 2566 พอร์ตสินเชื่อจะขยายตัวเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท จากแผนการขยายสาขาและการนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและยกระดับการให้บริการปล่อยสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว โดยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึก การเสนอสินเชื่อ พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ จัดทำสัญญา รับชำระหนี้ บริหารหนี้สูญ ได้แบบเรียลไทม์ ผ่าน Mobile Application และใช้เป็นเครื่องมือควบคุมความเสี่ยงเรื่องคุณภาพของสินเชื่ออีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะขยายสาขาเพิ่มเป็น 1,119 สาขา จากเดิมมี 519 สาขา (ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) หรือเฉลี่ยปีละ 200 สาขา ด้วยโมเดลพื้นที่สาขาขนาดเล็กในจังหวัดเดิมและเพิ่มจังหวัดใหม่ๆ ที่ยังไม่มีสาขาของ SAK พร้อมบริหารจัดการแบบ Cluster ช่วยบริหารจัดการต้นทุนของ SAK ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการสินเชื่อของประชาชน
นางสาวพันทิตา แซ่เอ็ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาติ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเปิดจองซื้อหุ้น IPO ของ SAK ระหว่างวันที่ 26-27 และ 30 พฤศจิกายน 2563 มีนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อจำนวนมาก ส่งผลให้ SAK มีสัดส่วนการถือหุ้นทั้งนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยที่ดี สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อย และโอกาสการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ มั่นใจว่า SAK จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่ดีอย่างต่อเนื่องในวันที่เข้าซื้อขายเป็นวันแรกใน ตลท.วันที่ 8 ธันวาคม 2563 หลังจาก SAK เสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 546 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นครั้งนี้ กำหนดราคา IPO หุ้นละ 3.70 บาท คิดเป็นอัตรา P/E ปัจจุบันประมาณ 15.4 เท่า .-สำนักข่าวไทย