แคลิฟอร์เนีย 20 พ.ย. – รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานยามค่ำคืนหรือเคอร์ฟิว เพื่อควบคุมยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้น
นายเกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวในแถลงการณ์ว่า มาตรการเคอร์ฟิวที่ห้ามการรวมตัวของประชาชนและกิจกรรมที่ไม่จำเป็นนอกที่อยู่อาศัยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 22.00 – 05.00 น. ของทุกวันนับจากคืนวันเสาร์นี้เป็นต้นไปจนถึงช่วงเช้ามืดของวันที่ 21 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ 41 เขตของรัฐ ที่มีประชากรมากกว่าร้อยละ 94 ของประชากรทั้งหมดของรัฐแคลิฟอร์เนีย เขากล่าวด้วยว่า เชื้อไวรัสโรคโควิด-19 กำลังระบาดอย่างรวดเร็วในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และในอีกไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการหยุดยั้งการระบาด
ก่อนหน้านี้ นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐประชุมทางไกลแบบออนไลน์ร่วมกับผู้ว่าการรัฐ 10 คนจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการประกาศบังคับให้ชาวอเมริกันทั่วประเทศสวมหน้ากากอนามัย นายไบเดนยังเน้นย้ำว่า เขาไม่มีแผนที่จะใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ แต่มีแผนที่จะกำจัดการระบาดของโรคโควิด-19 โดยแต่ละพื้นที่และชุมชนที่มีสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป
ทางด้านนายเจมส์ กัลลาเกอร์ ส.ส. รัฐแคลิฟอร์เนียของพรรครีพับลิกันได้วิจารณ์การประกาศเคอร์ฟิวของนายนิวซอมว่า เป็นการกระทำที่ยิ่งทำให้ภาคธุรกิจได้รับความเสียหายทั้งที่ในตอนนี้ก็เผชิญกับอุปสรรคครั้งใหญ่อยู่แล้ว ทั้งนี้ การประกาศเคอร์ฟิวของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีประชากรราว 40 ล้านคนมีขึ้น 1 วันหลังจากที่โรงเรียนรัฐบาลของนครนิวยอร์กประกาศหยุดการสอนในห้องเรียนเมื่อวานนี้ เนื่องจากมีอัตราผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ของสหรัฐรายงานวันนี้ว่า สหรัฐมีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่งโมง 200,146 คน มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2,239 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 11,698,661 คน และผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 252,419 คน. -สำนักข่าวไทย