กรุงเทพฯ 19 พ.ย.- ตำรวจพร้อมนำมาตรา 112 มาใช้ หากพบผู้ชุมนุมมีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำความผิด หลังนายกฯ ประกาศยกระดับบังคับใช้กฎหมายทุกระดับควบคุมการชุมนุม พร้อมเตรียมเสนอศาลเพิกถอนประกันแกนนำและกำหนดห้ามเข้าพื้นที่การชุมนุม
เมื่อเวลา 13.45 น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีออกแถลงการให้บังคับใช้กฎหมายทุกฉบับทุกมาตรากับการชุมนุม หลังม็อบราษฎรยกระดับการชุมนุม ว่าเบื้องต้นยังไม่ได้ดูรายละเอียดเกี่ยวกับแถลงการณ์ แต่เชื่อว่านายกฯ ถอยมาทุกก้าวแล้ว โดยใช้ช่องทางต่างๆ ในการตั้งคณะทำงานเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด แต่กลุ่มผู้ชุมนุมกลับไม่ยอมรับ และละเมิดกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ และส่อความรุนแรงขึ้น
ส่วนการจะดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมโดยใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดนั้น ในข้อกฎหมายมีการระบุไว้แล้วว่าการจะดำเนินคดีกับใครต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบความผิดนั้นๆ รวมถึงจะมีการนำมาตรา 112 มาใช้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและเจตนาของคู่กระทำ ซึ่งหากกระทำความผิดก็จะนำเสนอต่อผู้บังคับบัญชา เพราะปัจจุบันมีการนำดอกไม้ไฟ พลุ ประทัด เลเซอร์ มาใช้ โดยหากเข้าองค์ประกอบความผิดใด ตำรวจก็จะดำเนินคดีทุกกรณี อย่างไรก็ตาม ตำรวจไม่ได้กังวลที่จะนำมาตรา 112 กลับมาใช้อีกครั้ง เพราะเป็นไปตามหน้าที่ และยืนยันว่าตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับกลุ่มใด
สำหรับความรุนแรงในที่ชุมนุมแยกเกียกกาย ถนนทหาร ขณะนี้ตำรวจมีข้อมูลทราบว่ามีชายสวมใส่เสื้อกันฝนสีชมพู ซึ่งคาดว่าจะเป็นการ์ดของกลุ่มราษฎร และเป็นผู้นำอาวุธปืนเปิดฉากยิงใส่กลุ่มประชาชนที่ปักหลักชุมนุมที่ถนนทหารก่อน ส่วนจะมีการฝึกฝนมาหรือไม่ อยู่ระหว่างการสืบสวน รวมทั้งหลักฐานปลอกกระสุนที่ตกในที่เกิดเหตุ โดยพนักงานสอบสวนจะเก็บพยานหลักฐานดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.การชุมนุมโดยมิชอบ และร่วมกันตั้งแต่ 10 คนเป็นต้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง รวมถึงทำร้ายร่างกาย และทำให้สูญเสียทรัพย์สิน
ส่วนกรณีที่กลุ่มแกนนำผู้ชุมนุม มีการผิดเงื่อนไขการให้ประกัน หรือปล่อยตัวชั่วคราวของศาล ในประเด็นนี้พนักงานสอบสวนเตรียมพิจารณาเสนอให้ศาลเพิกถอนประกันตัวแกนนำทั้งหมดที่ผิดเงื่อนไข เตรียมเสนอศาลกำหนดห้ามแกนนำเข้าพื้นที่ที่มีการชุมนุม
ขณะเดียวกัน ตำรวจมีความพร้อมในการเตรียมรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 21 และ 25 พฤศจิกายน ซึ่งจะเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย