โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงการถอนประกัน “ทานตะวัน” และเพื่อน

19 ม.ค. – โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงถอนประกัน “ทานตะวัน” และเพื่อน ตามที่จำเลยประสงค์และยื่นคำร้องขอถอนเอง หลัง ส.ส.ก้าวไกล ตั้งปมสงสัยศาล


นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงข้อเท็จจริงและขั้นตอนการสั่งประกัน น.ส.ทานตะวัน คดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีวันที่ 18 ม.ค.66 นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงข่าว ณ อาคารรัฐสภา กล่าวตั้งข้อสังเกตถึงคำสั่งถอนประกันตัวและกระบวนการเรียกไต่สวนหลายประเด็นอันกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม และการตั้งคำถามถึงศาลว่าเป็นเครื่องมือบุคคลใดหรือไม่ ว่าจากการแถลงข่าวลักษณะการแสดงความเห็น อันอาจส่งผลให้บุคคลทั่วไปที่ได้รับฟังซึ่งมิได้รับทราบถึงกระบวนพิจารณาและความเป็นมาคดีโดยตลอดแต่ต้นมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน และสำคัญผิดในข้อเท็จจริงต่อกระบวนการยุติธรรม รวมถึงสิทธิเสรีภาพผู้ถูกดำเนินคดีอาญา ศาลยุติธรรมจึงขอแถลงเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่และข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ดังนี้

1.กรณี น.ส.ทานตะวัน ในชั้นฝากขัง (ชั้นสอบสวน) ขณะตกเป็นผู้ต้องหา ศาลอาญาอนุญาตปล่อยชั่วคราวตั้งแต่การฝากขังครั้งแรก วันที่ 7 มี.ค.65 ตีราคาประกันวงเงิน 100,000 บาท และให้ติดอุปกรณ์กำไล EM กับกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำการในลักษณะเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหา หรือเข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ อันอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และกิจกรรมหรือการกระทำการใดในอันที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ภายหลังมีพฤติการณ์เข้าข่ายฝ่าฝืนเงื่อนไขการประกันตัวจากการโพสต์หมายกำหนดการเสด็จฯ และไลฟ์สดระหว่างขบวนเสด็จฯ วันที่ 17 มี.ค.2565พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้ยื่นคำร้องวันที่ 18 มี.ค.2565 ขอเพิกถอนประกันตัว โดยศาลอาญาพิจารณาไต่สวนพยานลักฐานแล้วมีคำสั่งวันที่ 20 เม.ย.2565 ให้เพิกถอนประกัน กระทั่งเดือน พ.ค.2565 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ใช้ตำแหน่งยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ และวันที่ 20 พ.ค.2565 ศาลได้นัดไต่สวนคำร้อง ซึ่งระหว่างนั้น (25 พ.ค.65) อัยการได้ยื่นฟ้อง น.ส.ทานตะวัน ต่อศาลอาญา โดยวันที่ 26 พ.ค.65 ศาลนัดฟังคำสั่งประกันซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวลักษณะกำหนดเป็นช่วงระยะเวลา กำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่มีคำสั่งวันที่ 26 พ.ค.2565 ให้ทำสัญญาประกัน ตีราคาประกันวงเงิน 100,000 บาท และกำหนดเงื่อนไขให้ติดอุปกรณ์กำไล EM ห้ามออกนอกเคหสถานตลอดระยะเวลาที่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เว้นแต่เป็นกรณีเจ็บป่วยหรือได้รับอนุญาตจากศาล ห้ามกระทำการในลักษณะเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหา หรือเข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ อันอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และห้ามกระทำการใด ๆ ในอันที่จะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือเกิดความกระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล โดยตั้งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ร้องขอปล่อยชั่วคราว เป็นผู้กำกับดูแลความประพฤติ มีอำนาจในการว่ากล่าวตักเตือนและควบคุมมิให้กระทำผิดเงื่อนไขของศาลอย่างเคร่งครัด หากมีการกระทำผิดเงื่อนไขถือว่าผู้ร้องขอปล่อยชั่วคราวผิดสัญญาประกัน


ขณะที่ น.ส.ทานตะวัน แถลงรับไว้เองในการขอประกันตัวว่ายินดีรับเงื่อนไขทุกอย่างที่ศาลกำหนด และภายหลังจากที่ได้ประกันตัวแล้วระหว่างนั้นตั้งแต่เดือน มิ.ย.2565-10 ม.ค.2566 จำเลยและนายประกัน ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อเนื่องหลังจากที่ศาลเคยสั่งปล่อยชั่วคราวลักษณะกำหนดช่วงระยะเวลา คำขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว รวมทั้งคำขอออกนอกเคหสถาน ซึ่งศาลอาญาพิจารณาอนุญาตตามความเหมาะสม
ทั้งนี้การติดอุปกรณ์กำไล EM เป็นมาตรการที่ศาลยุติธรรมนำมาใช้ในคดีอาญาทุกประเภทอยู่แล้วมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว มิได้ใช้เฉพาะในส่วนการคุมประพฤติ หรือใช้เฉพาะส่วนของกระบวนการควบคุมของกรมราชทัณฑ์เหมือนดังที่มีการแถลง การนำกำไล EM มาใช้มิได้ใช้เฉพาะเจาะจงคดีอาญาลักษณะใดเพียงประเภทเดียวเท่านั้น โดยใช้เพื่อป้องกันการหลบหนีหรือมิให้ไปกระทำการอันอาจก่อให้เกิดอันตรายประการอื่นหรือฝ่าฝืนเงื่อนไขที่กำหนดเท่านั้น

2.กรณีที่กล่าวถึงการเรียกไต่สวนเพื่อพิจารณาว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขสัญญาประกันหรือไม่นั้น สืบเนื่องจากครั้งแรกศาลอาญาได้ไต่สวนการพิจารณาถอนประกัน คดีของนายโสภณ หรือเก็ท และคดีของ น.ส.ณัฐนิช หรือใบปอ (กรณีของเก็ท – ใบปอ ศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนประกันตัววันที่ 9 ม.ค.2566) ซึ่งพนักงานสอบสวนให้ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวโยงถึง น.ส.ทานตะวัน ว่ากระทำการที่ผิดเงื่อนไขของการประกันตัว ศาลอาญาจึงได้เรียก น.ส.ทานตะวัน มาสอบถามข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำการตามที่ปรากฏหรือไม่ โดยการเรียกมาสอบถามดังกล่าวเป็นเพราะปรากฎข้อเท็จจริงในชั้นศาลว่ามีการกระทำที่อาจฝ่าฝืนเงื่อนไขเกิดขึ้น ซึ่งในการทำสัญญาประกันตัวเป็นเรื่องที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยให้สัญญาไว้กับศาล หากภายหลังปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงที่อาจเข้าข่ายเป็นการผิดเงื่อนไข ศาลในฐานะที่เป็นคู่สัญญาประกันและมีอำนาจกำกับให้มีการปฏิบัติตามสัญญาประกันย่อมมีอำนาจเรียกผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นมาสอบถามได้อยู่แล้วโดยไม่จำเป็นต้องให้พนักงานสอบสวนหรือบุคคลใดร้องขอก่อน ที่สำคัญอีกประการคือคดีนี้แม้จะมีการเรียกมาสอบถาม แต่ในวันนัด น.ส.ทานตะวัน ขอเลื่อน โดยยังไม่ได้มีการไต่สวนแต่ประการใด โดยมีการกำหนดนัดใหม่ในวันที่ 1 มี.ค. ที่จะถึงนี้

3.กรณีที่กล่าวถึงการถอนประกันนั้น ข้อเท็จจริงคือกระบวนการเริ่มจาก น.ส.ทานตะวัน และ น.ส.อรววรณ หรือแบม จำเลยคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 16 ม.ค.2566 ขอยกเลิกการปล่อยชั่วคราวที่ศาลเคยมีคำสั่งให้ประกันตัวไปแล้ว จึงเป็นกรณีที่จำเลยทั้งสองคนประสงค์ขอถอนประกันตัวเอง โดยวันดังกล่าว น.ส.ทานตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ราดสีแดงบนตัว พร้อมอ่านแถลงการณ์ บริเวณหน้าป้ายสำนักงานศาลยุติธรรมและศาลอาญา ริมถนนรัชดาภิเษกด้วยก่อนที่ น.ส.ทานตะวัน และทนายความ จะยื่นคำขอถอนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาลอาญา ส่วน น.ส.อรวรรณ และทนายความ แยกไปยื่นคำขอต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ที่มีคดีถูกฟ้องอยู่ ซึ่งทั้งศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งอนุญาตยกเลิกการปล่อยชั่วคราวตามคำขอของทั้งสองที่แสดงเจตนายืนยันความประสงค์ไว้อย่างชัดเจน และออกหมายขังทั้งสองกับปลดอุปกรณ์กำไล EM และตรวจคืนหลักประกัน เรียบร้อยตามขั้นตอนกฎหมาย


ข้อเท็จจริงส่วนนี้ จึงไม่ได้เกิดจากการที่ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งเพิกถอนประกัน แต่เป็นไปตามความประสงค์ของ น.ส.ทานตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ที่อาจเห็นว่าไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของการประกันตัวได้ โดยเมื่อผู้ต้องหาหรือจำเลย หรือนายประกันนำตัวมาส่งตัวต่อศาล และแสดงความประสงค์ชัดเจนยืนยันที่จะไม่ประกันตัวอีกต่อไป ศาลได้ดำเนินกระบวนการตามขั้นตอนปกติทั่วไป มิใช่กรณีเฉพาะพิเศษใด โดยสอบถามยืนยันตัวบุคคล และเจตนาที่ยื่นคำขอแล้วยืนยันที่จะขอถอนประกันตนเอง ดังนั้นศาลย่อมต้องมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนการประกันตัวได้ตามเจตนานั้นเพื่อมิให้เกิดเหตุของการผิดสัญญาประกันที่จะเป็นเหตุให้ต้องมีการปรับตามสัญญาประกันอีก

โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวย้ำถึงการปฏิบัติหน้าผู้พิพากษาในการอำนวยความยุติธรรมว่า จะเป็นคดีใดก็ตาม หรือไม่ว่าผู้ต้องหาจำเลยจะเป็นบุคคลใด ผู้พิพากษาพึงรักษาความยุติธรรมเสมอบนความถูกต้องตามหลักกฎหมายอันเป็นสากล พร้อมยึดถือหลักนิติธรรม เป็นอิสระปราศจากอำนาจแทรกแซงใด ๆ ใช้ดุลยพินิจด้วยความมีเหตุผลบนความรับผิดชอบต่อภารกิจอำนวยความยุติธรรมโดยเสมอภาค เป็นธรรม และทั่วถึง ไม่ว่าจะยุคสมัยใดศาลยุติธรรมยังคงเป็นที่พึ่งของประชาชนและสังคมโดยรวมเสมอ พร้อมธำรงความเชื่อมั่นศรัทธาต่อการผดุงความยุติธรรมในทุกด้านอย่างแท้จริง. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]