กรุงเทพฯ 10 พ.ย. – กระทรวงคมนาคมเด้งรับค้านย้ายหมอชิต 2 แต่สงวนท่าทีอ้างขอคุยสัญญาใช้พื้นที่กับกรมธนารักษ์ก่อน พร้อมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รอบคอบ ด้านประธานบอร์ด บขส.ย้ำชัดขณะนี้ยื่นขอต่อสัญญากับ รฟท. เพื่อขอเช่าพื้นที่หมอชิต 2 ต่อไป
นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ (10 พ.ย.) ผู้แทนชุมชนหลังหมอชิตเก่าและผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการย้ายสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต 2) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กลับมาใช้พื้นที่หมอชิตเก่า ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เรื่องกรณีตามที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พ.ศ.2563 ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา แจ้งเกี่ยวกับพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งการรับหนังสือคัดค้านจากชาวชุมชนครั้งนี้ยืนยันว่าเข้าใจความรู้สึกของคนในพื้นที่ ซึ่งอยู่มานาน 30-40 ปี ย่อมมีความผูกพัน ส่วนการจะมีนโยบายอย่างไร จะย้ายหรือไม่ย้ายนั้น กระทรวงคมนาคมขอหารือให้มีความรอบคอบก่อน ซึ่งจะคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก
นายวิรัช กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาข้อสรุปการย้ายหมอชิต 2 กลับมาใช้พื้นที่หมอชิตเก่า ซึ่งปัจจุบัน บขส.ได้หารือร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศ (รฟท.) เพื่อขอเช่าพื้นที่ต่อไป โดยยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะย้ายหมอชิต 2 เนื่องจากตอนนี้มีปัญหาจราจรติดขัด ขณะที่การสร้างทางเชื่อมยกระดับนั้น ยอมรับว่า เป็นไปได้ยาก เพราะอาจสร้างมลพิษให้กับชุมชนหลังหมอชิตเก่าได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกต่อไป
ด้านนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บขส. กล่าวว่า บขส.จะดำเนินการต่อสัญญากับ รฟท. เพื่อขอเช่าพื้นที่หมอชิต 2 และอยู่ระหว่างรอท่าทีการพัฒนาพื้นที่ของกรมธนารักษ์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทาง บขส.ยังไม่มีนโยบายให้ย้ายหมอชิต 2 กลับมาที่หมอชิต 1 เพราะปัจจุบันพื้นที่เดิมมีระบบขนส่งสาธารณะพร้อมเชื่อมต่ออยู่ในพื้นที่เดียวกัน ทั้งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีม่วง และเชื่อมต่อสายสีเขียวและยังมีสถานีกลางบางซื่อรองรับรถไฟความเร็วสูง รถไฟชานเมือง รวมถึงอู่รถเมล์องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ขณะเดียวกันยอมรับว่า บขส.มีพันธะสัญญาเดิมที่เคยมีกับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ดังนั้นจึงยังคงมีพันธะเดิมและยังสงวนท่าทีอยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่การจะย้ายหรือไม่ย้าย ปัจจัยได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว เพราะการย้ายไปหมอชิต 2 ในอดีต พื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีการพัฒนาเช่นปัจจุบัน
ล่าสุดขณะนี้ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นผู้รับผิดชอบศึกษาถึงความจำเป็นและความเป็นไปได้ในการย้ายเหมาะสมหรือไม่ ซึ่ง สนข.จะต้องมีการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง กรุงเทพมหานคร (กทม.) สนข. บขส. รวมทั้งให้ สนข. ประสานกับ กทม. เรื่องการออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืน เพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง ส่วนการใช้พื้นที่จะดำเนินการอย่างไรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนั้น จึงอยากให้ชาวชุมชนและทุกคนสบายใจได้ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับประชาชน และนโยบายกระทรวงคมนาคมจะไม่ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน การมาพบครั้งนี้เป็นครั้งแรกและไม่เป็นครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน เมื่อได้ข้อสรุปอย่างไรในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรีบแจ้งทันที
ขณะที่นายปัญญา ชูพานิช รองผู้อำนวยการ สนข. กล่าวว่า สนข.ร่วมกับ รฟท.จัดทำแผนพัฒนาสถานีกลางบางซื่อและพื้นที่โดยรอบสถานีฯ โดยมีองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) เข้ามาช่วยดำเนินการวางแผนศึกษา ซึ่งแผนดังกล่าวจะแบ่งพื้นที่ในการพัฒนา แต่ยังไม่ได้ระบุชัดว่าต้องย้ายหมอชิต 2 หรือไม่.-สำนักข่าวไทย