คลังพอใจลงทะเบียน “คนละครึ่ง”

ก.คลัง 19 ต.ค. – คลังพอใจลงทะเบียน “คนละครึ่ง” 5.88 ล้านคน พร้อมเปิดทางเปลี่ยนใช้สิทธิ์ “ช้อปดีมีคืน” หากไม่ใช้จ่ายภายใน 14 วัน


นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของการลงทะเบียนรับสิทธิ์โครงการคนละครึ่งของประชาชน หลังเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันที่ 16 ตุลาคม ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com  ขณะนี้มีผู้สนใจลงทะเบียน 5.88 ล้านคน นับว่าเป็นยอดที่น่าพอใจ ยอมรับว่าหากประชาชนไม่มาลงทะเบียน  แสดงว่าไม่ต้องการใช้สิทธิ์จากรัฐบาล และยังมีกำลังซื้อในการใช้จ่าย รวมทั้งบางรายอาจต้องการใช้สิทธิ์จากโครงการ “ช้อปดีมีคืน” เพื่อรับสิทธิ์หักลดหย่อนภาษีไม่เกิน 30,000 บาท อีกทั้งสมัครโครงการ “คนละครึ่ง” แล้วเปลี่ยนใจอยากใช้สิทธิ์หักลดหย่อนภาษี อาจมีช่องทางไม่ใช้สิทธิ์การใช้เงินภายใน 14 วันตามที่กำหนด เพื่อสละสิทธิ์และหันไปเลือกการใช้สิทธิ์ “ช้อปดีมีคืน” จากนั้นจะเลื่อนให้ผู้ลงทะเบียนใช้จ่ายคนละครึ่งสำรองไว้เป็นผู้ได้รับสิทธิ์แทน

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังกำหนดเงื่อนไขผู้ร่วมลงทะเบียนได้จะต้องมีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันลงทะเบียน มีบัตรประจำตัวประชาชน และไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งได้รับสิทธิ์จากโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประชาชนที่สนใจยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ต่อเนื่องทุกวันในช่วงเวลา 06.00-23.00 น. จนกว่าจะครบ 10 ล้านคน ผู้ที่ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนสำเร็จแล้วจะเริ่มใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม–31 ธันวาคม 2563 ระหว่างเวลา 06.00 น. – 23.00 น. โดยต้องเริ่มใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ์ หรือวันที่เปิดให้เริ่มใช้จ่ายตามโครงการ มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์และไม่สามารถลงทะเบียนได้อีก เช่น ได้รับ SMS ระหว่างวันที่ 16 – 23 ตุลาคม 2563 ต้องใช้สิทธิ์ภายในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้น


สำหรับวิธีการใช้จ่ายกับร้านค้า สามารถเติมเงินโดยการโอนเงินไปยังแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ตามต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องโอนครั้งเดียว 3,000 บาท เช่น หากต้องการจ่ายค่าอาหาร 200 บาท ต้องมีเงินใน “เป๋าตัง” อย่างน้อย 100 บาท เพื่อสแกนจ่ายเงินกับร้านค้า “ถุงเงิน” โดยรัฐจะช่วยจ่ายให้ร้านค้าอีก 100 บาท หรือหากจะใช้จ่ายค่าสินค้า 400 บาท รัฐจะร่วมจ่ายให้ร้านค้า 150 บาท และต้องมีเงินใน “เป๋าตัง” เพื่อสแกนจ่ายเงินอีกอย่างน้อย 250 บาท ทั้งนี้ ภาครัฐจะร่วมจ่ายไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านค้าทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 299,000 ร้านค้า เช่น  หาบเร่แผงลอย 49,000 ร้านค้า รถเข็น 50,000 ราย ร้านค้ามีหน้าร้านให้บริการ 170,000 ราย จึงขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่สนใจโดยเฉพาะหาบเร่ แผงลอย รีบมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือสมัครโดยตรงสาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อเตรียมรองรับการใช้จ่ายของประชาชนที่จะเริ่มการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง