กอร.ฉ.ประกาศห้ามใช้เส้นทางคมนาคม อาคาร หรือสถานที่

กรุงเทพฯ 18 ต.ค.- กอร.ฉ.แจ้งประกาศห้ามใช้เส้นทางคมนาคม อาคาร หรือสถานที่ ปิด 10 สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และ 5 สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ตั้งแต่เวลา 14.30 น. จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง


วันที่ 18 ต.ค.63 กอร.ฉ.เปิดเผยว่าตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ นั้น เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชน และมิให้เกิดความเดือดร้อน แก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ อาศัยอานาจตามความในข้อ ๓ และข้อ ๔ ของข้อกาหนดออกตามความใน มาตรา ๙ ประกอบมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และข้อ ๕ แห่งประกาศตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกาหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง จึงออกคาสั่งไว้ดังต่อไปน้ี

ข้อ ๑ ห้ามใช้หรือเข้าไปในอาคารหรือสถานที่ดังต่อไปนี้ ตั้งแต่เวลา 14.30 น. จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือใช้ในภารกิจของทางราชการ

(1) สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) สายสุขุมวิท ได้แก่ สถานีพหลโยธิน 24 สถานีห้าแยกลาดพร้าว สถานีหมอชิต สถานีอโศก สถานีอุดมสุข และสถานีบางนา


(2) สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) สายสีลม ได้แก่ สถานีช่องนนทรี สถานีสุรศักดิ์ สถานีกรุงธนบุรี และสถานีวงเวียนใหญ่

(3) สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สายสีน้าเงิน ได้แก่ สถานีหัวลำโพง สถานีลุมพินี สถานีสุขุมวิท สถานีพหลโยธิน และสถานีสวนจตุจักร

(4) ทางเชื่อมระหว่างตึกหรือทางเดินระหว่างอาคารสูง (Skywalk) ได้แก่ ทางเชื่อมต้ังแต่บริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) ห้าแยกลาดพร้าวถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สถานีพหลโยธิน และทางเชื่อมตั้งแต่ บริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) สถานีอโศกถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สุขุมวิท


ทั้งนี้ กอร.ฉ.เน้นย้าการปฏิบัติในห้วงเวลานี้เพิ่มเติมว่า เนื่องด้วยช่วงที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขต กทม. ซึ่งใช้อำนาจตามพระราชกาหนดการบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 มิใช่ช่วงสถานการณ์ปกติ กอร.ฉ.ขอย้าว่า การบังคับใช้กฎหมายในช่วงเวลานี้กับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นไปตามกฎหมายเฉพาะดังกล่าวข้างต้น ซึ่งไม่อนุญาตให้มีการชุมนุมที่มีวัตถุประสงค์ในอันที่จะก่อให้เกิดความร้ายแรงใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งหากมี การฝ่าฝืน กอร.ฉ.ก็จำเป็นต้องทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายต่อไป การปฏิบัติการของตำรวจดำเนินการโดยยึดหลักกฎหมายเป็นไปตามหลักสากลตามยุทธวิธีที่ทั่วโลกยอมรับ โดยมุ่งสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง