ทำเนียบฯ 4 ต.ค.- นายกรัฐมนตรี ปลื้ม กระทรวงสาธารณสุข เกษตรฯ และพาณิชย์ ผนึกกำลังผลักดันส่งออกสมุนไพรอันดับ 1 อาเซียน ตั้งเป้า 3.6 แสนล้านบาท ในปี 2564
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปลูกและการผลิตสินค้าสมุนไพรให้มีคุณภาพระดับสากล เพราะเล็งเห็นศักยภาพในการเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้แก่ประเทศ เนื่องจากมีการนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยารักษาโรค ดังนั้นตลาดสมุนไพรจึงเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง และยังคงมีคู่แข่งน้อยราย แม้กระทั่งภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ยอดการส่งออกยังขยายตัวกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะตลาด จีน อเมริกาและเวียดนาม รัฐบาลจึงพร้อมสนับสนุนทุกหน่วยงานในการต่อยอดการดำเนินการตามแผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรแห่งชาติฉบับที่ 1 ปี 2560-2564 ที่กำหนดเป้าหมายให้เพิ่มมูลค่าการบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรจาก 1.8 แสนล้านบาท เป็น 3.6 แสนล้านบาท ในปี 2564 และให้ไทยเป็นผู้นำการส่งออกสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ฯ เป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ซึ่งสมุนไพรที่ได้รับความนิยมระดับ Product Champion ได้แก่ ขมิ้นชัน ไพล กระชายดำ และใบบัวบก และที่กำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เช่น ฟ้าทะลายโจร ขิง กระเทียม
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานทั้งระหว่างภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดูแลคุณภาพของสมุนไพรไทย สนับสนุนการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร และลดความยุ่งยากในการขออนุญาตผลิตของผู้ประกอบการ กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบเรื่องการเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ การจับคู่เจรจาธุรกิจ การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งในปีหน้า กระทรวงฯ จะจัดงานส่งเสริมเครื่องสำอางไทยในตลาดใหญ่ ๆ อาทิ เยอรมนี ญี่ปุ่น และรัสเซีย มากไปกว่านั้น ยังมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งได้เดินหน้าขยายพื้นที่ปลูกพืชสมุนไพรแบบอินทรีย์ เพราะจะทำให้ได้วัตถุดิบที่ปลอดสารพิษ สามารถขายได้ราคาดีขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่พืชสมุนไพร เพื่อจะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้แบบครบวงจร
“สมุนไพรเป็นพืชที่ตลาดโลกมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นทุกปี นับเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้และผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนทั้งในเรื่องของนโยบายและงบประมาณเพื่อการพัฒนาการผลิตสมุนไพรอย่างครบวงจร เพื่อให้อุตสาหกรรมสมุนไพรไทย เป็นที่ยอมรับทั่วโลกและมีการเติบโตอย่างยั่งยืน” น.ส.รัชดา กล่าว.-สำนักข่าวไทย