หอการค้าไทยส่งมอบสมุดปกขาว “อนุทิน” ชูแนวคิด “รองผู้ว่าฯ ด้านเศรษฐกิจ”

ชลบุรี 24 พ.ย. – หอการค้าไทยส่งมอบสมุดปกขาวเสนอรัฐปลุกเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน “อนุทิน” ชูแนวคิด “รองผู้ว่าฯ ด้านเศรษฐกิจ” ชี้แต่ละจังหวัดเสมือนเกตเวย์เชื่อมเศรษฐกิจภูมิภาค ชี้ขึ้นค่าแรงไม่แทรกแซงกรรมการไตรภาคี


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนภาครัฐ รับมอบสมุดปกขาว จากนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หลังเสร็จสิ้นการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ภายใต้แนวคิด “CONNECT FOR GROWTH : INNOVATING FOR OUR SUSTAINABLE FUTURE : สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ณ NICE HALL สวนนงนุช จังหวัดชลบุรี และมอบรางวัล “สำเภาทอง” ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด

สำหรับประเด็นและข้อเสนอแนะที่หอการค้าฯ ได้นำเสนอในสมุดขาว เพื่อพิจารณาใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแก่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วยข้อเสนอเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน 3 ข้อเสนอหลักคือ


1.การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ โดยภาคเอกชนเห็นว่ารัฐบาลควรมีมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชนและต้นทุนของผู้ประกอบการ การควบคุมราคาสินค้าพื้นฐานและบริการที่จำเป็น การตรึงราคาค่าไฟฟ้า-น้ำมันดีเซล การผลักดันให้มีการจัดตั้ง กรอ.พลังงาน การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้เป็นไปตามกลไกคณะกรรมการไตรภาคี การกระจายงบประมาณไปยังภูมิภาคอย่างทั่วถึง และการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการคูณสอง เพื่อเพิ่มกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ นอกจากนั้นยังขอให้รัฐบาลสานต่อการขับเคลื่อนการยกระดับเมือง 10 จังหวัดนำร่องที่ได้ดำเนินไปก่อนหน้านี้

2.การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน SMEs แก้ไขปัญหาหนี้ ที่ประชาชนและ SMEs กำลังเผชิญอยู่ ซึ่งหัวใจสำคัญของการแก้หนี้คือ รัฐบาลจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินการคลังควบคู่กัน พร้อมกับการกระจายรายได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามที่หอการค้าไทยได้เสนอแนวทางหลายประการ เช่น การพักและยืดการชำระหนี้ ทั้งบ้าน รถ และ SMEs โดยเฉพาะไม่ยึดรถกระบะที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของประชาชน การลดดอกเบี้ย และการปลดล็อกการเข้าถึงสินเชื่อก็เป็นเรื่องจำเป็นในขณะนี้ นอกจากนี้ภาคเอกชนเห็นว่ารัฐบาลควรเร่งสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศได้ โดยดูแลการค้าให้เป็นธรรม ไม่เป็นตลาดที่ดัมพ์สินค้าไร้คุณภาพ ซึ่งจะทำลายตลาดระยะยาวของประเทศ อีกทั้งไทยต้องเลือกการลงทุนที่มีคุณภาพ ที่มีการจ้างงานในประเทศ มีการใช้ local content ในท้องถิ่นให้มากที่สุด

3.การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1) การเร่งดึงดูดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หอการค้าฯ ได้เสนอให้จังหวัดปราจีนบุรี ให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ EEC ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการลงทุนใน EEC ได้อีกมหาศาล 2) การรักษาโมเมนตั้มภาคธุรกิจที่ไทยยังแข่งขันได้ ทั้งในด้าน Food, Tourism, Wellness และโอกาสการเป็นศูนย์กลางด้าน Logistics & Connectivity และ Education Hub 3) การเร่งดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ New S-Curve ด้าน AI, Digital, EV Car และ Green Energy 4) การเจรจากับเพื่อนบ้านเพื่อยกระดับจุดผ่านแดนทางการค้า 5) การบริหารจัดการน้ำไม่ให้เกิดท่วมและแล้งซ้ำซาก และ 6) การปรับปรุงนโยบายด้านแรงงานให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ


นอกจากนี้ยังมี 6 ประเด็นปลุกเศรษฐกิจไทยใหเติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ การค้าและการลงทุน โอกาสและความท้าทาย, เกษตรและอาหาร : คลังอาหารของไทยและโลก, ท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ, การพัฒนาเพื่อความยั่งยืนขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียว, ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานยกระดับการแข่งขันของประเทศ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค : สร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน

นายอนุทิน กล่าวว่า สมุดปกขาวมีความสำคัญอย่างยิ่ง ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รัฐบาลได้มีการมอบนโยบายกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ช่วยภาคเอกชนส่งเสริมให้มีการเติบโตด้านเศรษฐกิจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้กระทรวงมหาดไทยไม่ได้ดูตัวเลขเศรษฐกิจโดยตรง แต่ละจังหวัด เปรียบเสมือนเป็นเกตเวย์ ที่จะเชื่อมเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ดังนั้น กลไลการดูแลด้านเศรษฐกิจโดยตรงมีความจำเป็น เพราะฉะนั้นจึงมีแนวคิดที่จะมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ดูแลด้านนี้โดยตรง

“ทุกวันนี้มันไม่มีจังหวัดหลัก จังหวัดรองแล้ว กระทรวงมหาดไทยพยายามให้ทุกจังหวัดเป็นจังหวัดที่เลี้ยงตัวเองได้ ต้องมีสิ่งดึงดูดให้คนเข้าไปลงทุน เพื่อให้แต่ละจังหวัดมีศักยภาพ การที่เราจะมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่กำกับดูแลทางภาคเศรษฐกิจโดยตรงนั้นจะได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ทราบถึงความจำเป็นเร่งด่วน ผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ราบรื่น และสะดวก“ นายอนุทิน กล่าว

ส่วนข้อเสนอการขึ้นค่าแรง ที่ภาคเอกชนขอให้เป็นตาม Pay by skill ขอย้ำว่ารัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการไตรภาคีได้ แม้รัฐบาลจะมีนโยบายในการปรับขึ้นค่าแรงก็ตาม โดยรัฐบาลเคารพมติของคณะกรรมการไตรภาคีที่ออกมา

นายสนั่น กล่าวว่า หอการค้าไทยฯ ประเด็นและใจัข้อเเสนอแนะในการจัดทำเป็น “สมุดปกขาว” ประกอบด้วย 2 แกนหลัก คือ 1) การเชื่อมโยง (Connect for Growth) เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจให้แข็งแกร่ง และ 2) การนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศให้ตอบโจทย์ความยั่งยืนในระยะยาว (Innovating for Sustainability) โดยตั้งเป้าหมายสำคัญเพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพ มุ่งหวังให้ GDP ไทยในปีหน้าสามารถเติบโตไม่น้อยกว่า 3% และเชื่อว่าในอนาคตหากมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจขนานใหญ่ โดยเฉพาะการแก้หนี้ และกระจายรายได้อย่างทั่วถึงก็มีโอกาสที่ GDP ไทย จะกลับมาเติบโตเต็มศักยภาพได้ถึง 5% ต่อปี

นายสนั่น ยังกล่าวแสดงความเห็นด้วยกับแนวคิดนายอนุทิน ในการจะให้มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดด้านเศรษฐกิจ ว่าเหมาะสมมาก ซึ่งทางหอการค้านั้นได้สร้างผู้นำผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ของทางภาคเอกชนของหอการค้า ราว 7000 กว่าคนทั่วประเทศ ที่มีความสามารถสานต่อด้านเทคโนโลยี และเป็นคนในพื้นที่ สามารถช่วยพัฒนาพื้นที่ของตนเอง ไปชวนข้าราชการจากหน่วยราชการต่างๆ ของแต่ละจังหวัดให้มีการคัดสรรคน โดยมีความเห็นชอบของผู้ว่าราชการของแต่ละจังหวัดอีกส่วนหนึ่งมาทำงานร่วมกัน ถือเป็นส่วนที่สร้างความเข้มแข็งระหว่างรัฐกับเอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปพร้อมกัน.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

Chaos and crowds at Poipet International Border Gate

สื่อกัมพูชาลงภาพคนแออัดที่ด่านปอยเปต

พนมเปญ 8 มิ.ย. – สื่อกัมพูชาเผยแพร่ภาพชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติแออัดที่จุดผ่านแดนถาวรปอยเปต ในเช้าวันนี้ เพื่อรอข้ามแดน หลังจากไทยประกาศมาตรการจำกัดการข้ามแดนระหว่าง 2 ประเทศ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์เผยแพร่ภาพชุดจากเฟรชนิวส์ ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของกัมพูชา เป็นภาพสถานการณ์ที่จุดผ่านแดนถาวรด้านปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาที่ติดกับบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้วของไทย เจ้าหน้าที่กัมพูชารายงานว่า สถานการณ์ช่วงเช้าวันนี้มีคนหนาแน่นมาก หลังจากทางการปรับเวลาเปิดปิดประตูจุดผ่านแดน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ชายแดนของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงพูดคุยกันและอำนวยความสะดวกให้แก่การผ่านแดนระหว่างกัน แขมร์ไทมส์รายงานว่า ไทยตัดสินใจปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดประตูแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยได้ปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดนถาวรที่เป็นด่านสากลทั้งหมดเป็น 08.00-16.00 น. และปิดประตูที่เป็นด่านทวิภาคี.-814.-สำนักข่าวไทย

Colombian Senator Miguel Uribe

ลอบยิงผู้สมัคร ปธน.โคลอมเบีย เป็นตายเท่ากัน

โบโกตา 8 มิ.ย. – หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียถูกลอบยิงอย่างอุกอาจ ระหว่างปราศรัยหาเสียงต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากในกรุงโบโกตา ภรรยาระบุว่า ขณะนี้อาการเป็นตายเท่ากัน คลิปเหตุการณ์ที่มีผู้บันทึกไว้ได้ เผยให้เห็นวินาทีที่นายมิเกล อูริเบ สมาชิกวุฒิสภา วัย 39 ปี หนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียปี 2569 ถูกมือปืนยิงหมายลอบสังหารขณะกำลังยืนปราศรัยหาเสียงต่อหน้าประชาชนจำนวนมากภายในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงโบโกตาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ผู้คนในที่เกิดเหตุพากันกรีดร้องตกใจ จากนั้นมีเสียงปืนตามมาอีกหลายนัด คาดว่าเป็นการยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอูริเบกับมือปืน มีรายงานผู้ถูกยิงบาดเจ็บเพิ่มอีก 1 คน ขณะที่นายอูริเบซึ่งถูกยิงเลือดอาบ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน พรรคศูนย์กลางประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่นายอูริเบสังกัดอยู่ออกแถลงการณ์ประณามและเปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า คนร้ายยิงจากด้านหลัง ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างเจ้าหน้าที่แพทย์ว่า เขาถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด และเข้าที่เข่า 1 นัด ภรรยาของเขาโพสต์ในเอ็กซ์ (X) ว่า สามีอาการเป็นตายเท่ากัน รัฐบาลโคลอมเบียแจ้งในเวลาต่อมาว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 1 คน ซึ่งยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ และกำลังสอบสวนว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยได้ตั้งเงินรางวัล 730,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24 ล้านบาท) แก่ผู้แจ้งเบาะแส สื่อท้องถิ่นรายงานว่า […]

สนามบินพร้อมสกัดกลุ่มเทาต่างชาติบินเข้าไทย หลังคุมเข้มเข้า-ออกด่านบก

7 มิ.ย. – ตามที่รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการเข้า-ออกด่านชายแดนทางบก และมีคำสั่งจากกองทัพบกให้อำนาจกองทัพภาคที่ 1 และ 2 พิจารณาคัดกรองการเข้าออกด่านชายแดนทางบก โดยเฉพาะ จ.จันทบุรี และสระแก้ว โดยมีผลตั้งแต่ 7 มิ.ย.2568 ในส่วนของการเข้าทางอากาศ โดยเฉพาะทางสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มต่างชาติที่ใช้เส้นทางเข้าออกไทย-กัมพูชา หันมาเดินทางเข้าแทนช่องทางบกนั้น วันนี้ (7 มิ.ย.2568 ) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า ตม.สนามบิน พร้อมขานรับนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร ที่มีจุดยืนด้านความมั่นคงชัดเจน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้เคยกำชับการสกัดกั้นคนต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าออกประเทศด้วยฟรีวีซ่าที่ผิดวัตถุประสงค์ และกลุ่มที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด โดยเฉพาะแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ ซึ่งอาจใช้ไทยเป็นแหล่งทำธุรกิจฟอกเงิน จากการทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน และการปิดด่านชายแดน อาจมีกลุ่มต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ใช้เส้นทางเข้าไทยทางเครื่องบินแทนการผ่านแดนทางบก ทาง บก.ตม.2 จึงมีการสั่งการกำชับให้ด่าน ตม.สนามบินในสังกัด โดยเฉพาะสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เพิ่มความเข้มในการเฝ้าสังเกตสกัดกั้นคนต่างชาติลักษณะเสี่ยงดังกล่าว โดยเน้นต่างชาติกลุ่มเฝ้าระวังสัญชาติเพื่อนบ้านที่มีลักษณะการใช้ฟรีวีซ่าเข้าออกผิดประเภท […]

ข่าวแนะนำ

“อ.เฉลิมชัย” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ

9 มิ.ย. – “อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ ให้เหตุผลเป็นความตั้งใจว่าครบ 70 ปี จะลาออกทุกตำแหน่ง เพื่อเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังพร้อมช่วยกระทรวงและวงการศิลปะ จากกรณี อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ จิตรกรรม ประกาศระหว่างบรรยายในงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 สู่ Thailand Biennale, Phuket 2025 ที่ จ.ภูเก็ต ว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30 พฤษาคมที่ผ่านมา เพื่อใช้ชีวิตอย่างอิสระ เนื้อหาในจดหมายที่ถูกเผยแพร่ออกมาซึ่งเขียนด้วยลายมือของ อ.เฉลิมชัย ถึงกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ลงวันที่ 30 พฤษภาคม มีใจความสำคัญว่า “เหตุผลของการลาออก เนื่องด้วยข้าพเจ้ามีอายุมากแล้ว จึงได้ประกาศหยุดสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพราะปรารถนาที่จะพักผ่อน ท่องเที่ยว หาความสุขในบั้นปลายของชีวิต ข้าพเจ้ารู้สึกส่วนตัวว่า เมื่อศิลปินแห่งชาติได้หยุดสร้างสรรค์ผลงานแล้วก็ไม่ควรที่จะมีตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้อีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงขอให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมโปรดพิจารณาตัดชื่อข้าพเจ้าออกจากทำเนียบศิลปินแห่งชาติด้วย” ภายหลัง อ.เฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุของการลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติว่า […]

“อนุทิน” สั่งเร่งตรวจสอบหลุมหลบภัยแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 9 มิ.ย. – “อนุทิน” สั่งการผู้ว่าฯ 7 จังหวัดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เร่งตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยประชาชน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อตรวจติดตามความพร้อมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ติดต่อกับชายแดนประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา และได้รับทราบข้อมูลต่างๆในพื้นที่ ล่าสุด ได้มีข้อสั่งการให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และจังหวัดตราด เร่งดำเนินการตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ทั้งหมด โดยสำรวจว่ามีหลุมหลบภัยที่สามารถใช้งานได้ในสภาพดีจำนวนกี่แห่ง จำนวนหลุมหลบภัยที่ชำรุดและต้องการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมกี่แห่ง รวมทั้งสำรวจความต้องการในการก่อสร้างหลุมหลบภัยในพื้นที่เพิ่มเติม พร้อมระบุสถานที่และประมาณการงบประมาณที่ต้องการขอรับการสนับสนุน รายงานมายังกระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ทั้งนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป .319.-สำนักข่าวไทย

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

The Ministry of National Defence claims Cambodia has not withdrawn troops from its sovereign territory

กห.กัมพูชายืนยันไม่ได้ถอนทหารจากดินแดนอธิปไตย

พนมเปญ 9 มิ.ย. – กระทรวงกลาโหมแห่งชาติ เน้นย้ำว่า กัมพูชาไม่ได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชายึดครองมายาวนาน เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาวันนี้ มีเนื้อหาดังนี้ “ตามแถลงข่าวจากกระทรวงกลาโหมแห่งชาติในวันนี้ กระทรวงฯ ขอชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ดังต่อไปนี้: 1.ไม่มีการถอนกำลังทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชาได้ประจำการมาเป็นเวลานาน 2.การดำเนินการทั้งหมดของกองทัพกัมพูชาประกอบด้วยการประจำการ การจัดวางกำลัง การปรับเปลี่ยน และการเคลื่อนย้าย อยู่ภายในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา 3.กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางออกอย่างสันติสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการรุกรานทุกรูปแบบ 4.กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะสนับสนุนกลไกการเจรจาเขตแดนกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการเขตแดนร่วมหรือเจบีซี (JBC) เพื่อดำเนินการวัดแนวเขตแดนและจัดทำเส้นเขตแดนในส่วนที่เหลือระหว่างสองประเทศ รวมถึงจุดที่กัมพูชาจะยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือไอซีเจ (ICJ) กระทรวงกลาโหมแห่งชาติขอให้เพื่อนร่วมชาติและสื่อมวลชนใช้ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น โดยเฉพาะแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลกัมพูชาและกระทรวงกลาโหมแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แท้จริง และเชื่อถือได้” .-814.-สำนักข่าวไทย