ชลบุรี 24 พ.ย. – หอการค้าไทยส่งมอบสมุดปกขาวเสนอรัฐปลุกเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน “อนุทิน” ชูแนวคิด “รองผู้ว่าฯ ด้านเศรษฐกิจ” ชี้แต่ละจังหวัดเสมือนเกตเวย์เชื่อมเศรษฐกิจภูมิภาค ชี้ขึ้นค่าแรงไม่แทรกแซงกรรมการไตรภาคี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนภาครัฐ รับมอบสมุดปกขาว จากนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หลังเสร็จสิ้นการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ภายใต้แนวคิด “CONNECT FOR GROWTH : INNOVATING FOR OUR SUSTAINABLE FUTURE : สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ณ NICE HALL สวนนงนุช จังหวัดชลบุรี และมอบรางวัล “สำเภาทอง” ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด
สำหรับประเด็นและข้อเสนอแนะที่หอการค้าฯ ได้นำเสนอในสมุดขาว เพื่อพิจารณาใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแก่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วยข้อเสนอเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน 3 ข้อเสนอหลักคือ
1.การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ โดยภาคเอกชนเห็นว่ารัฐบาลควรมีมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชนและต้นทุนของผู้ประกอบการ การควบคุมราคาสินค้าพื้นฐานและบริการที่จำเป็น การตรึงราคาค่าไฟฟ้า-น้ำมันดีเซล การผลักดันให้มีการจัดตั้ง กรอ.พลังงาน การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้เป็นไปตามกลไกคณะกรรมการไตรภาคี การกระจายงบประมาณไปยังภูมิภาคอย่างทั่วถึง และการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการคูณสอง เพื่อเพิ่มกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ นอกจากนั้นยังขอให้รัฐบาลสานต่อการขับเคลื่อนการยกระดับเมือง 10 จังหวัดนำร่องที่ได้ดำเนินไปก่อนหน้านี้
2.การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน SMEs แก้ไขปัญหาหนี้ ที่ประชาชนและ SMEs กำลังเผชิญอยู่ ซึ่งหัวใจสำคัญของการแก้หนี้คือ รัฐบาลจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินการคลังควบคู่กัน พร้อมกับการกระจายรายได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามที่หอการค้าไทยได้เสนอแนวทางหลายประการ เช่น การพักและยืดการชำระหนี้ ทั้งบ้าน รถ และ SMEs โดยเฉพาะไม่ยึดรถกระบะที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของประชาชน การลดดอกเบี้ย และการปลดล็อกการเข้าถึงสินเชื่อก็เป็นเรื่องจำเป็นในขณะนี้ นอกจากนี้ภาคเอกชนเห็นว่ารัฐบาลควรเร่งสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศได้ โดยดูแลการค้าให้เป็นธรรม ไม่เป็นตลาดที่ดัมพ์สินค้าไร้คุณภาพ ซึ่งจะทำลายตลาดระยะยาวของประเทศ อีกทั้งไทยต้องเลือกการลงทุนที่มีคุณภาพ ที่มีการจ้างงานในประเทศ มีการใช้ local content ในท้องถิ่นให้มากที่สุด
3.การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1) การเร่งดึงดูดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หอการค้าฯ ได้เสนอให้จังหวัดปราจีนบุรี ให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ EEC ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการลงทุนใน EEC ได้อีกมหาศาล 2) การรักษาโมเมนตั้มภาคธุรกิจที่ไทยยังแข่งขันได้ ทั้งในด้าน Food, Tourism, Wellness และโอกาสการเป็นศูนย์กลางด้าน Logistics & Connectivity และ Education Hub 3) การเร่งดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ New S-Curve ด้าน AI, Digital, EV Car และ Green Energy 4) การเจรจากับเพื่อนบ้านเพื่อยกระดับจุดผ่านแดนทางการค้า 5) การบริหารจัดการน้ำไม่ให้เกิดท่วมและแล้งซ้ำซาก และ 6) การปรับปรุงนโยบายด้านแรงงานให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ยังมี 6 ประเด็นปลุกเศรษฐกิจไทยใหเติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ การค้าและการลงทุน โอกาสและความท้าทาย, เกษตรและอาหาร : คลังอาหารของไทยและโลก, ท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ, การพัฒนาเพื่อความยั่งยืนขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียว, ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานยกระดับการแข่งขันของประเทศ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค : สร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน
นายอนุทิน กล่าวว่า สมุดปกขาวมีความสำคัญอย่างยิ่ง ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รัฐบาลได้มีการมอบนโยบายกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ช่วยภาคเอกชนส่งเสริมให้มีการเติบโตด้านเศรษฐกิจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้กระทรวงมหาดไทยไม่ได้ดูตัวเลขเศรษฐกิจโดยตรง แต่ละจังหวัด เปรียบเสมือนเป็นเกตเวย์ ที่จะเชื่อมเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ดังนั้น กลไลการดูแลด้านเศรษฐกิจโดยตรงมีความจำเป็น เพราะฉะนั้นจึงมีแนวคิดที่จะมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ดูแลด้านนี้โดยตรง
“ทุกวันนี้มันไม่มีจังหวัดหลัก จังหวัดรองแล้ว กระทรวงมหาดไทยพยายามให้ทุกจังหวัดเป็นจังหวัดที่เลี้ยงตัวเองได้ ต้องมีสิ่งดึงดูดให้คนเข้าไปลงทุน เพื่อให้แต่ละจังหวัดมีศักยภาพ การที่เราจะมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่กำกับดูแลทางภาคเศรษฐกิจโดยตรงนั้นจะได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ทราบถึงความจำเป็นเร่งด่วน ผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ราบรื่น และสะดวก“ นายอนุทิน กล่าว
ส่วนข้อเสนอการขึ้นค่าแรง ที่ภาคเอกชนขอให้เป็นตาม Pay by skill ขอย้ำว่ารัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการไตรภาคีได้ แม้รัฐบาลจะมีนโยบายในการปรับขึ้นค่าแรงก็ตาม โดยรัฐบาลเคารพมติของคณะกรรมการไตรภาคีที่ออกมา
นายสนั่น กล่าวว่า หอการค้าไทยฯ ประเด็นและใจัข้อเเสนอแนะในการจัดทำเป็น “สมุดปกขาว” ประกอบด้วย 2 แกนหลัก คือ 1) การเชื่อมโยง (Connect for Growth) เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจให้แข็งแกร่ง และ 2) การนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศให้ตอบโจทย์ความยั่งยืนในระยะยาว (Innovating for Sustainability) โดยตั้งเป้าหมายสำคัญเพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพ มุ่งหวังให้ GDP ไทยในปีหน้าสามารถเติบโตไม่น้อยกว่า 3% และเชื่อว่าในอนาคตหากมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจขนานใหญ่ โดยเฉพาะการแก้หนี้ และกระจายรายได้อย่างทั่วถึงก็มีโอกาสที่ GDP ไทย จะกลับมาเติบโตเต็มศักยภาพได้ถึง 5% ต่อปี
นายสนั่น ยังกล่าวแสดงความเห็นด้วยกับแนวคิดนายอนุทิน ในการจะให้มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดด้านเศรษฐกิจ ว่าเหมาะสมมาก ซึ่งทางหอการค้านั้นได้สร้างผู้นำผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ของทางภาคเอกชนของหอการค้า ราว 7000 กว่าคนทั่วประเทศ ที่มีความสามารถสานต่อด้านเทคโนโลยี และเป็นคนในพื้นที่ สามารถช่วยพัฒนาพื้นที่ของตนเอง ไปชวนข้าราชการจากหน่วยราชการต่างๆ ของแต่ละจังหวัดให้มีการคัดสรรคน โดยมีความเห็นชอบของผู้ว่าราชการของแต่ละจังหวัดอีกส่วนหนึ่งมาทำงานร่วมกัน ถือเป็นส่วนที่สร้างความเข้มแข็งระหว่างรัฐกับเอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปพร้อมกัน.-516-สำนักข่าวไทย