“พล.ร.อ.ลือชัย” ขอร่วมใจทำงาน เพื่อประเทศประชาชน

พระราชวังเดิม 30 ก.ย.-  “พล.ร.อ.ลือชัย” ส่งมอบหน้าที่ให้ “พล.ร.อ.ชาติชาย” ขอกำลังพลร่วมใจทำงาน เพื่อประเทศประชาชน เชื่อ ผบ.ทร. คนใหม่ จะสามารถนำพากองทัพเรือไปได้อย่างราบรื่นถึงฝั่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ก.ย.) กองทัพเรือจัดพิธีรับ – ส่งหน้าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ ระหว่าง พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กับ พล.ร.อ. ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ ที่ท้องพระโรง พระราชวังเดิม มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่จากหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือเข้าร่วมพิธี  โดย พล.ร.อ. ลือชัย ได้ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ที่ลานหน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ จากนั้น เป็นพิธีมอบการบังคับบัญชาและตราประจำตำแหน่ง ให้ พล.ร.อ.ชาติชาย  

โอกาสนี้ พล.ร.อ.ลือชัย กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา ได้มุ่งมั่นทำให้กองทัพเรือเป็นกองทัพของประชาชน และขอบคุณกำลังพล 7 หมื่นกว่านาย ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่  ขอฝากให้เข้มแข็งในแบบนักรบชาวเรือ เพราะปัญหาปัจจุบันซับซ้อนมากขึ้น จึงต้องใช้ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ในฐานะลูกประดู่ และลูกเสด็จเตี่ย ฝ่าฟัน ไม่ย่อท้อ เมื่อเราเจอปัญหามากมาย ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน และเพื่อนฝูง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน


พล.ร.อ.ลือชัย กล่าวว่า เปรียบเป็นดอกประดู่ เพราะบานก็บานพร้อมกัน โรยก็โรยพร้อมกัน เราชาวเรือ พี่น้องกันตัดไม่ตาย ขายไม่ขาด แม้วันเวลาจะเปลี่ยนไป แต่ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแปรผันไปตามสถานการณ์ เปรียบเหมือนการเดินทางไกลคนเดียว เราต้องฝ่าฟันคลื่นลม บางครั้งราบเรียบ บางครั้งเจอคลื่นลมและแดด เราต้องอาศัยผู้กล้าทั้งหลาย

“เมื่อมีศึกนอกไม่เท่าไร ศึกในหนักกว่าศึกนอก แต่เชื่อว่าทหารเรือจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเราเป็นลูกเสด็จเตี่ย ไม่มีซ้าย ไม่มีขวา ไม่มีหน้า ไม่มีหลัง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี รักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของทหารเรือให้ดี สิ่งใดดีก็สืบต่อไป แต่สิ่งใดไม่ดีก็ยกเลิกได้ ผมไม่ใช่คนที่ยึดติด แต่สิ่งที่ทำมา ผ่านการไตร่ตรองมาดีแล้ว” พล.ร.อ.ลือชัย กล่าว และว่า มีความเชื่อมั่นในความรู้ความสามารถของผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ จะสามารถนำพากองทัพเรือไปได้อย่างราบรื่นถึงฝั่ง

ขณะที่ พล.ร.อ.ชาติชาย กล่าวว่า พล.ร.อ.ลือชัย เป็นผู้นำกองทัพเรือที่ได้วางรากฐานสำคัญ พัฒนากองทัพเรือให้เป็นที่ยอมรับ ศรัทธาของประชาชน มีความรู้ ความสามารถ ความซื่อสัตย์ สุจริต มีความเป็นผู้นำ จึงได้รับความไว้วางใจ ให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญๆ และได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพเรือ ทั้งนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ภายหลังเสร็จพิธีการส่งมอบตำแหน่ง ทหารกองเกียรติยศทำการยิงสลุต จำนวน 19 นัด เพื่อเทิดเกียรติให้แก่ พล.ร.อ.ลือชัย ก่อนที่จะอำลาชีวิตการรับราชการ  กำลังพลตั้งแถวส่ง และมอบดอกกุหลาบระหว่างที่ พล.ร.อ.ลือชัย นั่งรถยนต์ส่วนตัวกลับจากพระราชวังเดิม ด้าน พล.ร.อ.ชาติชาย เดินมาทักทายสื่อมวลชน และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยระบุสั้นๆ ว่า วันที่ 2 ตุลาคม นี้ จะมีการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ เพื่อมอบนโยบาย อาจจะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในวันนั้นด้วย  .- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง